กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมโดยคณะกรรมการ ประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ในวันที่ 13 มกราคม 2557 นั้น รองประธานบริหาร บริษัท เอออน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หากการชุมนุมเกิดการปะทะ จนทำให้ทรัพย์สินเสียหายแล้ว กรมธรรม์ ประกันภัย ที่คุ้มครองทรัพย์สินจะไม่คุ้มครอง

เนื่องจากภัยครั้งนี้ถือเป็นภัยที่เป็นการจลาจลทางการเมือง ยกเว้นธุรกิจที่มีการซื้อ ประกันภัย ความรุนแรงทางการเมือง (Political Violence) แล้ว กรมธรรม์จะยังคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ทำ ประกันภัย PV ส่วนใหญ่กว่าครึ่งของระบบ เป็นจำนวนผู้ที่ทำ ประกันภัย ทรัพย์สินแบบธรรมดา

ขณะนี้มีแนวโน้มที่ภาคธุรกิจต้องการซื้อ ประกันภัย PV เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันหากเริ่มมาซื้อตอนนี้ มีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับความคุ้มครอง เนื่องจากปัจจุบันต่างประเทศหรือ รี อินชัวเรอร์ มองเหตุการณ์การเมืองไทยคล้ายกับลาตินอเมริกา ที่เสี่ยงถูกรัฐประหาร โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงสูงย่านเศรษฐกิจ เช่น ราชประสงค์ สยาม สีลม ตลอดจนพื้นที่สัญลักษณ์ที่ถูกนำมาใช้แสดงออกแล้ว ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสุด โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติให้ทำ ประกันภัย ได้จึงแทบไม่มี

ขณะที่รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการซื้อภัย PV เพิ่มขึ้น 30-40 ราย จากเดิมอยู่ที่ 10 รายเท่านั้น โดยการซื้อเริ่มชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2556 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อจะเป็นธุรกิจสำคัญทั้งภาครัฐ และเอกชน เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โรงกลั่นน้ำมัน ปตท. บางจาก เป็นต้น ทั้งนี้อัตราเบี้ย ประกันภัย นั้นจะถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับที่ตั้งธุรกิจ ทุน ประกันภัย ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductable)

ด้านรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ. เมืองไทยประกันภัย เปิดเผยว่า ธุรกิจขนาดใหญ่มีการซื้อความคุ้มครองดังกล่าวมากขึ้นตั้งแต่ปี 2553 ขณะที่อัตราเบี้ยภายใต้สัญญา ประกันภัย ต่อจากรี อินชัวเรอร์ ปรับขึ้นตามความเสี่ยง เฉลี่ย 20-30% ต่อปี ซึ่งการปรับอัตราเบี้ยดังกล่าว ทำให้บริษัทมีเบี้ย ประกันภัย ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 10-20% ซึ่งธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่เคยเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง ยังมีการต่อสัญญา ประกันภัย ครบทุกราย รวมถึงรายใหม่ที่ซื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่มีทั้งลูกค้ารายใหญ่ และเอสเอ็มอี ที่มีทุน ประกันภัย 100 ล้านบาท จะซื้อ ประกันภัย PV ราว 10-20% หรือคุ้มครองที่ 10-20 ล้านบาท

สอดคล้องกับข่าวจากธุรกิจ ประกันภัย รายใหญ่แห่งหนึ่งระบุว่า ธุรกิจที่ซื้อ PV ยังอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลัก ทุน ประกันภัย ตั้งแต่หลักร้อยล้านบาท ไปจนถึงพันล้านบาท ส่งผลให้มีเบี้ย ประกันภัย เข้าระบบ 10-15% ของการ ประกันภัย เสี่ยงภัยทรัพย์สิน (industrial all risk : IAR) ทั้งระบบ ซึ่งเบี้ย ประกันภัย เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นขึ้น1,000-2,000 ล้านบาท (ในช่วง 3 ปี คือปี 2554-2556) และเชื่อว่าจะต่อเนื่องปีนี้ด้วย แต่ความไม่แน่นอนทางการเมือง จะเพิ่มความเสี่ยงทำให้อัตราเบี้ย ประกันภัย เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงนั้น รี อินชัวเรอร์จะปรับขึ้นสูงกว่านั้น

ส่วนนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ตอนนี้ไทยถูกจับตามองจากต่างประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยง ที่จะเกิดความเสียหายจากภัยทางการเมืองมากขึ้น และภาคธุรกิจเองมองเห็นถึงความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน ดังนั้น ประกันภัย PV จึงเป็นอีกกรมธรรม์ที่มีการปรับเพิ่มขึ้น เพราะถ้ามี ประกันภัย ไว้ และยิ่งไม่มีการเคลมจะดียิ่ง เพราะ ประกันภัย ดังกล่าวเป็นเพียงการเข้ามาชดเชยเพียงบางส่วนเท่านั้น

"ยอมรับว่าขณะนี้หากต้องการซื้อ PV น่าจะหาซื้อยาก เนื่องจากต้องส่งให้ รี อินชัวเรอร์ เป็นฝ่ายตรวจสอบข้อมูลการทำ ประกันภัย เพราะสัดส่วน 95% ของการ ประกันภัย ทรัพย์สินทั้งระบบ ยังต้องพึ่งพา รี อินชัวเรอร์ คงเหลือเพียง 5% ที่รับเสี่ยงภัยไว้ในประเทศ"

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ