"ซีอีโอประกัน"ปรับแผนประคองเป้ารายได้ ห่วงการเมืองยืดเยื้อ ค่ายบมจ. ฟอลคอน ชูทีมงานบริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกประเภทกรมธรรม์ พร้อมส่ง "ไอ-เซฟตี้" คุ้มครองภัยจลาจล ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตด้วย "บมจ.ทิพยประกันชีวิตฯ" เล็งเพิ่ม 2 พันธมิตรแบงก์เดินกลยุทธ์ " ป่าล้อมเมือง" ขยายตลาดต่างจังหวัดเพิ่มอีก 10% เพื่อรักษาตลาดและเบี้ย ประกันภัย ใกล้เคียงเป้า

ท่ามกลางกระแสปกป้องประชาธิปไตยจากหลายเวที ทั้งสนับสนุนและคัดค้านการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งนั้น ประธานบริหาร บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า หากเหตุการณ์ทางการเมืองยังคงยืดเยื้อต่อไป ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันวินาศภัย (Non-Life) ซึ่งอาจไม่เติบโตจากปีที่แล้ว เนื่องจากเบี้ยประกันวินาศภัยส่วนใหญ่มาจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ จากการทำ ประกันภัย คุ้มครองทรัพย์สิน และการทำ ประกันภัยรถยนต์ แต่เนื่องด้วยวิกฤติทางการเมืองในช่วงเวลานี้ มีผลทำให้ Mega Project ใหญ่ๆ เกิดการชะลอตัวลง รวมถึงโครงการอสังหาฯ โครงการก่อสร้างต่างๆ ทำให้ความต้องการซื้อ ประกันภัย ทรัพย์สินใหม่ๆ ลดลง ในขณะเดียวกันผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลงเช่นกัน เนื่องจากตลาดทุนในประเทศซบเซา จากความไม่แน่นอนทางการเมือง จึงไม่เกิดการซื้อ รถยนต์ คันใหม่ๆ ทำให้ความต้องการซื้อ ประกันภัยรถยนต์ อาจไม่เติบโตเช่นกัน

สำหรับบมจ. ฟอลคอนประกันภัย ได้มีการเตรียมแผนการรองรับในช่วงนี้เป็นพิเศษ โดยเน้นทีมงานที่คอยให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าทุกประเภทกรมธรรม์ ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ บริษัท ได้ออกแบบ ประกันภัย iSafety (ไอ-เซฟตี้) ซึ่งเป็นกรมธรรม์ ประกันภัย ที่คุ้มครองภัยจลาจล ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ภัยจลาจลด้วย

ขณะที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันชีวิต เปิดเผยว่า ความวุ่นวายทางการเมืองย่อมส่งผลกระทบต่อการรับ ประกันภัย ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ทั้งผลกระทบต่อความต้องการซื้อประกันชีวิตในกลุ่มลูกค้ารายใหม่ และการส่งเบี้ย ประกันภัย เข้าบริษัทฯ ปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับแผนโดยใช้กลยุทธ์ "ป่าล้อมเมือง" เน้นขยายตลาดต่างจังหวัดเพิ่มอีก 10% เพื่อรักษาตลาดและเบี้ย ประกันภัย ไว้ใกล้เคียงเป้าหมายมากที่สุด รวมถึงแยกผลิตภัณฑ์ให้เด่นชัด เพื่อเจาะตลาดรายย่อยเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพราะประเมินว่าไตรมาส 1 มีความเป็นไปได้สูงที่เบี้ย ประกันภัย จะหดตัวจากภาวะปกติที่ 10% จากเป้าเดิมที่คาดมีเบี้ย ประกันภัย รับเข้ามาที่ 1.2 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันต้องติดตามนโยบายของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นพันธมิตรหลัก โดยก่อนหน้าได้ตั้งเป้า ประกันภัย สินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร 2,500 ล้านบาท หากแนวโน้มทางออมสินปรับลดการปล่อยสินเชื่อรายย่อย อาจจะกระทบต่อฐานเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อต่างๆ ดังนั้นตลาดไตรมาสที่ 1 ยังมีสัญญาณหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา ประกอบกับโดยธรรมชาติไตรมาสแรกจะเป็นช่วงที่ประกันชีวิตหดตัวมากที่สุด นอกจากนี้ ทิพยประกันชีวิต ยังมีแผนเพิ่มพันธมิตรที่เป็นธนาคารอีก 2 แห่ง คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาสแรกของปีนี้

อย่างไรก็ดี บริษัทจะออกโปรดักต์เฉพาะกลุ่มมากขึ้น และเจาะรายสาขาอาชีพมากขึ้น โดยเป็นแบบ ประกันภัย ที่บมจ.ทิพยเชี่ยวชาญ และถนัด เช่นกลุ่มตลาดครูที่ใกล้ครบอายุราชการ หรือวัยใกล้เกษียณ อายุตั้งแต่ 45-60 ปี สามารถเลือกอัตราเบี้ย ประกันภัย นำส่งตามทุน ประกันภัย และความคุ้มครองผ่านแบบ ประกันภัย "ชีวิตครู เราดูแล" ที่อยู่ระหว่างเสนอแบบ และรายละเอียดไปยังศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตครู (สกสค.) เพื่อทำการประชาสัมพันธ์ โดยเป้าหมายเพื่อโปรดักต์นี้จะเข้ามากระตุ้นเบี้ยประกันชีวิตรายสามัญ คาดว่าจะทดลองตลาดภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนิ้ นอกจากนี้ยังมุ่งทำตลาดประกันชีวิตสะสมทรัพย์ จ่ายเบี้ย 2 ครั้ง แต่ให้ความคุ้มครอง 8 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4% และ ประกันภัย สินเชื่ออื่นควบคู่กับ ประกันภัย หลักๆ เช่น ประกันภัย สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ประกันชีวิตสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์ กับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อเข้ามาทดแทนกับเบี้ย ประกันภัย ที่หายไป

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ