รองเลขาธิการด้านกำกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงก่อนหน้า เป็นผลจากอุปสงค์ภายในประเทศหดตัวลง โดยเฉพาะการใช้จ่ายในสินค้าคงทนประเภท รถยนต์ หดตัวถึง 13.6% อย่างไรก็ตามในส่วนของภาคบริการขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง จากการท่องเที่ยว และโทรคมนาคม ส่งผลให้ 3 ไตรมาสแรก (ม.ค.-ก.ย.) ธุรกิจ ประกันภัย มีเบี้ย ประกันภัย รับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 470,783 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.90%
แบ่งเป็นเบี้ยประกันชีวิต 321,413 ล้านบาท ขยายตัว 15.96% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากประชาชนในวงกว้างมีความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการประกันชีวิตมากขึ้น กอปรกับแนวโน้มอายุขัยของประชากรที่มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้น จากวิทยาการทางการแพทย์ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนหันมาสนใจการประกันชีวิตแบบบำนาญ และการ ประกันภัยสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบี้ย ประกันภัย รับสูงสุด คือ การประกันชีวิตประเภทสามัญ 267,659 ล้านบาท ขยายตัว 15.20% รองลงมาการประกันชีวิตประเภทกลุ่ม 43,626 ล้านบาท ขยายตัวอย่างโดดเด่นถึง 26.15% และการ ประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) 4,254 ล้านบาท ขยายตัว 4.61%
ขณะที่เบี้ยประกันวินาศภัยมีจำนวนทั้งสิ้น 149,369 ล้านบาท ขยายตัว 15.77% โดยการ ประกันภัยรถยนต์ มีเบี้ย ประกันภัย รับสูงสุดถึง 88,927 ล้านบาท ขยายตัว 17.38% รองลงมาเป็น ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 47,785 ล้านบาท ขยายตัว 13.14% และประกันอัคคีภัย 8,656 ล้านบาท ขยายตัว 20.20%
รองเลขาธิการสำนักงาน คปภ. กล่าวเสริมว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ อุตสาหกรรม ประกันภัย ทั้งธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันวินาศภัย ยังคงรักษามาตรฐานการขยายตัวได้ในอัตราที่น่าพอใจ ส่งผลให้สัดส่วนเบี้ย ประกันภัย ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ในช่วง 3 ไตรมาส แรกอยู่ที่ 5.39% ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงไตรมาสก่อน ซึ่งอยู่ที่ 5.21% โดยคาดว่าหากอัตราการเติบโตของธุรกิจ ประกันภัย ยังคงสามารถรักษาระดับที่ดีอย่างนี้ต่อไปทั้งปี สัดส่วนเบี้ย ประกันภัย ต่อจีดีพีน่าจะถึงเป้าหมาย 6% ก่อนกำหนด จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ภายในปี 2557 เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า ปีนี้ธุรกิจ ประกันภัย น่าจะขยายตัว 17% ตามเป้าหมายโดยธุรกิจประกันชีวิตขยายตัว 16% และประกันวินาศภัยขยายตัว 18%
ที่มา : สยามธุรกิจ