ประกันภัย ตื่นถกส่งเงินสมทบเข้า คปภ. เตรียมหารือสมาคมประกันวินาศภัยขอลดค่าต๋งปีหน้า เหตุจัดเก็บเต็มแม็กซ์ในอัตรา 0.7-0.8% ดันเงินกองทุนฯ แตะ 600 ล้านบาท แต่ระยะ 2-3 ปีนี้ธุรกิจขยายตัวแบบก้าวกระโดด เพิ่มภาระนำส่งเงินสมทบสูงเกิน ยกเคสรายเล็กเกือบ 10 ล้านต่อปี รายกลาง-ใหญ่แตะพันถึงหลักหมื่น ดันต้นทุนมาก
ภายหลังจากกรมการ ประกันภัย ดำเนินการจัดตั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) ขึ้นพร้อมกำหนดงบประมาณเบื้องต้นของการดำเนินงานไว้ที่ 600 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือนของ คปภ. ซึ่งที่มาของงบประมาณดังกล่าว ส่วนใหญ่มาจากการเรียกเก็บเงินสมทบจากบริษัทประกันวินาศภัยในอัตรา 0.7-0.8% ของขนาดเบี้ย ประกันภัย นั้น
ข่าวจากธุรกิจ ประกันภัย รายหนึ่งเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา 2-3 ปี ธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโตเฉลี่ยเกิน 10% ต่อปี และที่ชัดเจนในปี 2555 อัตราเติบโตกว่า 27% คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีอัตราเติบโตที่ 15% เป็นเบี้ย ประกันภัย รับราว 2.05 แสนล้านบาท และหากดูผลประกอบการของบริษัท จะทำให้การนำส่งเงินสมทบสูงตามไปด้วย เช่น บริษัทรายเล็กจะมีการนำส่งเงินสมทบเข้า คปภ. อยู่ในระดับสูง 7-8 ล้านต่อปี ส่วนบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีสัดส่วนเบี้ย ประกันภัย นำส่งสมทบหลายพันล้าน หรือมากกว่าหมื่นล้านบาท ปัจจุบันเริ่มมีผู้ประกอบการหลายรายกังวลถึงอัตราการส่งเงินสมทบ โดยระบุว่าเป็นค่าธรรมเนียม หรือเงินปากถุงที่ต้องส่งให้แก่ คปภ.ทุกปี เมื่อประเมินแล้วหาก คปภ. ยังใช้อัตราการส่งเงินสมทบดังกล่าว เท่ากับเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา ตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยปี 2551 ที่กำหนดให้เก็บเงินสมทบในอัตราดังกล่าวต่อไปนั้น เชื่อว่าจะสร้างต้นทุนให้แก่ธุรกิจประกันวินาศภัยมากขึ้น ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการเสนอเรื่องไปยังสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อเป็นตัวกลางในการเสนอแก่ คปภ. ให้พิจารณาปรับลดสัดส่วนเงินสมทบลง
ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย สะท้อนถึงอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จาก 23 บริษัทประกันชีวิตในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค. 56) คิดเป็นเบี้ย ประกันภัย รับปีแรก 7.72 หมื่นล้านบาท และเบี้ย ประกันภัย จ่ายครั้งเดียว 4.66 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เบี้ยประกันชีวิตรายใหม่อยู่ที่ 1.23 แสนล้านบาทจากสัดส่วนเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งการสมทบเป็นเงินให้แก่ คปภ.จะเฉลี่ยที่ 0.1-0.2% จากฐานเบี้ย ประกันภัย ใหม่ โดย 10 เดือนคาดว่ามีเบี้ย ประกันภัย ใหม่ไม่ตํ่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทแล้ว
ข่าวจากภาคธุรกิจ ประกันภัย อีกราย ชี้ข้อแตกต่างของธุรกิจประกันชีวิตและวินาศภัย คือ ประกันชีวิตมีสัดส่วนเบี้ย ประกันภัย ต่ออายุมากกว่าเบี้ย ประกันภัย รับใหม่ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ขณะที่ประกันวินาศภัยมีเบี้ย ประกันภัย รับใหม่เกือบ 100% เนื่องจากเป็นสัญญา ประกันภัย แบบปีต่อปี นอกจากนี้บริษัทประกันวินาศภัยต้องส่งเงินสมทบหลายส่วน ทั้งส่งเข้า คปภ. กองทุนประกันวินาศภัย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สำนักอัตราเบี้ย ประกันภัย โดยการนำส่งเงินเข้ากองทุนจะเป็นหลักประกัน เพราะที่ผ่านมาการเก็บสมทบในอัตราสูง ก็เพื่อป้องกันว่าหากมีบริษัท ประกันภัย รายใดล้ม หรือปิดกิจการ กองทุนฯ สามารถเข้าชดเชยความเสียหายแก่ผู้เอา ประกันภัย ได้ อย่างไรก็ตามวงในตั้งข้อสังเกตว่า การขอปรับลดอัตราเงินนำส่งสมทบนั้น อาจทำได้ค่อนข้างยาก
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ