22
สงครามราคา ประกันภัยรถยนต์ คาดปะทุเดือด ปีก่อนฟันกำไรอื้อซ่า วงในเผยขาใหญ่ เปิดศึกแน่ ทวงแชร์คืน คาดรถ EV มาแรง จุดเปลี่ยนตลาด อานิสงส์จากการที่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีกำไรก้อนโต จากการรับประกันภัยในปีที่ผ่านมา ทำให้มีการประเมินปี 2564 “สงครามราคา” จากตลาด ประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยมากที่สุดเกือบ 60% ของธุรกิจ
ประกันวินาศภัยทุกบริษัทที่ต้องการเติบโต ขยายไซส์ คงต้องเปิดกลยุทธ์ด้านราคาช่วงชิงลูกค้ากันอย่างหนักหน่วงแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา ธุรกิจประกันวินาศภัย มีกำไรจากการรับประกันภัย ซึ่งก็เป็นหลักการที่ถูกต้อง และยุติธรรม เมื่อบริษัทมีกำไร ก็ลดเบี้ยประกันภัยให้กับผู้บริโภค หากขาดทุนก็ขึ้นเบี้ยประกันภัย
เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว ส่งผลในช่วงการแพร่ระบาดของ โควิด ทำให้จำนวน รถยนต์ ที่สัญจรบนท้องถนนลดลง ท่าให้การเกิดอุบัติเหตุรถยนต์โดยรวมลดลง อัตราความเสียหายของ ประกันภัยรถยนต์ ลดลงอยู่ที่ 61.54% เทียบกับ 65.59% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนท้าให้อัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ของธุรกิจประกันวินาศภัยโดยรวมอยู่ที่ 54.3% เทียบกับ 57.51% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่การเคลมประกันสุขภาพก็ลดลงด้วย
“ตอนนี้ชาใหญ่บางที่เริ่มขยับแล้ว ลดราคาลงมาแล้ว ที่ผ่านมาที่ไม่เล่นเพราะเจ๊ง ถ้ามีกำไรก็กลับมาเล่นราคาได้ ก็แฟร์กับลูกค้า มีกำไรก็ลดเบี้ย ขาดทุนเราก็ขึ้นเบี้ย ตลาดรถยนต์ปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ปีก่อนจีดีพีติดลบเยอะ แต่ปีนี้จะบวกเพราะลบไปเยอะแล้ว ตลาดรถยนต์ตัวที่จะผลักดันตลาดอย่างมาก คือจะมีรุ่นรถ โมเดลรถออกมาถี่ยิบ และจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นรถพลังงานไฟฟ้า (EV) เพราะฉะนั้น สด็อกเก่า ๆ ต้องรีบเปลี่ยนออกมาขายออกไปให้หมด”
แหล่งข่าวจาก บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ให้ความเห็นว่า สงครามราคาเป็นเรื่องปกติที่ธุรกิจโดยทั่วไปรวมถึงธุรกิจประกันภัย ที่มักเข้าร่วมวงเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ซึ่งกันและกัน ซึ่งในปีที่ผ่านมา เบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัทขนาดใหญ่ อาทิ บมจ.วิริยะประกันภัย บมจ.สินมั่นคงประกันภัย บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย หายไปพอสมควร คาดว่าในปีนี้คงจะต้องเอาส่วนแบ่งการตลาดคืน ไม่ใช่แค่บริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กด้วย เพราะทุกบริษัทก็ต้องการเติบโตทั้งนั้น
เครดิต: สยามอินชัวร์ นิวส์
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์