14
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ยุงลายซึ่งเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก ทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยด้วย โรคไข้เลือดออก ดังนั้น เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 เลขาธิการ คปภ. ในฐานะนายทะเบียนจึงได้มีคำสั่งนายทะเบียนที่ 41/2562 เรื่องให้ใช้แบบ ข้อความ และ อัตราเบี้ยประกันภัยของ กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก เพื่อกำหนดใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเพื่อนำระบบ ประกันภัย ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินจากการเจ็บป่วยด้วย โรคไข้เลือดออก ที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชน
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการเจ็บป่วยด้วย โรคไข้เลือดออก ถือเป็นแบบกรมธรรม์ประกันภัยมาตรฐานไข้เลือดออก ฉบับแรกของประเทศไทย ที่มีการนำระบบประกันภัยเข้าไปบริหารความเสี่ยงให้กับประชาชน จากภัย โรคไข้เลือด ออกโดยเฉพาะ
ซึ่งกรมธรรม์ดังกล่าวจะให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัย ถ้าผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่า เจ็บป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) 30 วัน นับจากวันที่กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มมีผลบังคับเป็นครั้งแรก โดยมีความคุ้มครอง 2 ประการ
ประการแรกคือ ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) โดยหากผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยด้วย โรคไข้เลือดออก และต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยใน (IPD) หรือผู้ป่วยนอก (OPD) ของโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลเวชกรรม หรือคลินิก
จะจ่ายค่าทดแทนสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควร ซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล ค่าบริการทั่วไป หรือค่ายา เป็นต้น ตามจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัย ตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ประการที่สองคือ ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (IPD) ของโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเวชกรรม ตามความจำเป็นทางการแพทย์และมาตรฐานทางการแพทย์ จะจ่ายค่าชดเชยรายวัน ให้กับผู้เอาประกันภัยตามจำนวนวันที่เข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ดังกล่าว
โดยกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการเจ็บป่วยด้วย โรคไข้เลือดออก ในเบื้องต้น มีแผนประกันภัย 3 แผน และเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่าย (รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ดังนี้
- แผนแรก ค่าเบี้ยประกันภัย 300 บาทต่อปี คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) ตามจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท และ คุ้มครองเงินชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลวันละ 300 บาท ชดเชยสูงสุด 30 วัน ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง
- แผนสอง ค่าเบี้ยประกันภัย 500 บาทต่อปี คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) ตามจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท และ คุ้มครองเงินชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลวันละ 500 บาท ชดเชยสูงสุด 30 วัน ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง
- แผนสาม ค่าเบี้ยประกันภัย 700 บาทต่อปี คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) ตามจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และ คุ้มครองเงินชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลวันละ 1,000 บาท ชดเชยสูงสุด 30 วัน ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง
เครดิต: โพสต์ทูเดย์
ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์