ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

ข่าวประกันภัยทั่วไป

หลังน้ำท่วม รถยนต์ ที่จมน้ำ ต้องทำอย่างไร ?

รถยนต์ เมื่อประสบเหตุ น้ำท่วม จะพบความเสียหายมากหรือน้อย เจ้าของต้องดำเนินให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เสียหายหนัก

หลังน้ำท่วม รถยนต์ ที่จมน้ำ ต้องทำอย่างไร ?

กันยายน

6

ปัญหามากพอสมควร สำหรับ รถยนต์ เมื่อไปประสบเหตุกับสภาวะ น้ำท่วม มักจะพบความเสียหายมากน้อยแล้วแต่ความสูงของน้ำที่ท่วม หรือ รถยนต์ สมบูรณ์มากพอที่จะรับกับเหตุการณ์ได้มากน้อยแค่ไหน

วิธีจัดการกับปัญหาเบื้องต้น หลังเจอน้ำท่วมรถ

1. ถอดแบตเตอรี่ ออกหนึ่งข้าง บวก หรือ ลบ
น้ำกับไฟฟ้าเป็นเรืองที่ไม่ถูกกัน ถอดข้ัวแบตเตอรี่ออกป้องกันไฟช็อต ทำให้อุปกรณ์ที่ติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในรถเสียหาย เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ ECU กล่องเกียร์ ฯลฯ

2. ถ่ายรูปรถทุกจุดที่น้ำเข้า
ตรวจสอบความเสียหายของรถ ทั้งภายในภายนอก เปิดฝากระโปรงเช็กเครื่องให้ครบครัน ถ้ารถคุณมี ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 หรือ ประเภท 2+, 3+ ที่มีความคุ้มครอง น้ำท่วม ให้รีบแจ้ง ประกันภัย ให้เข้าช่วยเหลือ และทำเคลม

“ข้อยกเว้นการให้ความคุ้มครอง ประกันภัย ไม่คุ้มครอง ได้แก่ น้ำท่วมรถยนต์ที่เกิดจากความประมาทของเจ้าของรถยนต์ เช่น มองเห็นอยู่แล้วว่าถนนข้างหน้านั้นมีน้ำท่วมขังอย่างหนัก แต่ก็ยังเลือกที่จะขับรถฝ่าเข้าไป อีกกรณีคือ มีการประกาศว่าถนนเส้นไหนที่มีความเสี่ยงภัยน้ำท่วม แนะนำให้เลี่ยงเส้นทาง แต่ยังเลือกที่จะขับรถเข้าไปในถนนเส้นนั้น จะถือว่า น้ำท่วม รถยนต์ เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่เหมือนกัน ”

3. ถ่ายรูปตอนน้ำท่วม จะได้รู้ว่าถึงจุดใหนของรถ
ระดับความสูงของน้ำที่ท่วม เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบทางด้านต่างๆ ของช่าง ทำให้ทำงานได้รวดเร็วและถูกต้องยิ่งขึ้น เนื่องจากระดับน้ำส่งผลกระทบต่อความเสียหายของรถแตกต่างกัน

4. พอน้ำลด โทรยืนยัน ปะกันภัย นำรถเข้าซ่อม
แจ้งประสาน ประกันภัย ตรวจสอบแจ้งกับทางอู่ หรือศูนย์บริการที่จะนำรถเข้าซ่อม เพราะบางกรณีรถไม่สามารถขับเองได้ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการลากจูง ประกันภัย จะดูแลจัดการ ช่วยผ่อนภาระค่าใช้จ่ายจากหนักเป็นเบา

5. ตรวจสอบรถเสียหายในที่เกิดเหตุ ขอติดเครื่อง "ห้ามเด็ดขาด"
เนื่องจากน้ำเข้าท่อไอดี อยู่ที่หัวลูกสูบ พอติดเครื่อง น้ำก็จะอัดในห้องเครื่องทำให้ก้านสูบคด งอ ความเสียหายจะหนักขึ้น

6. ให้ ปะกันภัย ลากรถเข้าอู่ซ่อมหรือศูนย์บริการ
พร้อมทำหนังสือว่า ประกันภัย จะรับผิดชอบทุกอย่าง ทำให้รถกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เนื่องจากรถเคลื่อนที่ไม่ได้ จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการลากจูงจากจุดที่เสียหาย

7. สิ่งที่ตวรเข้าใจ ถ้ารถไม่มี ประกันภัย ควรทำต่อไปนี้

      7.1 ถอดแบตเตอรี่
      7.2 เอาลมเป่า ตามปลั้กไฟทุกจุด และถอดกล่อง ECU มาเป่า ใช้ลมเป่าเบาๆ หรือใช้ไดร์เป่าผมก็ได้ แล้วตากแดน 20 นาที (ถ้าลมเป่าแรง อาจทำให้กล่อง ECU เกิดความเสียหาย) อย่าใส่แบตเตอรี่เด็ดขาด
      7.3 ถ่ายน้ำมันเครื่อง เกียร์ เฟืองท้าย ของเดิมทิ้ง เปลี่ยนใหม่หมด
      7.4 รถเครื่องยนต์เบนซิน ถอดหัวเทียนออก ติดเครื่อง 3 วินาที ทำแบบนี้ 3 ครั้ง ครั้งแรกน้ำพุ่งออกรูหัวเทียนปริมาณมาก (ห้ามลืมถอดหัวเทียน เพราะจะทำให้ก้านสูบคด เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก)
      7.5 เครื่องยนต์ดีเชล ถอดหัวฉีด หรือหัวเผาก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วติดเครื่อง 4 วินาที ทำ 4 ครั้ง
      7.6 ปะกอบคืน ล้างถังน้ำมันเชือเพลิง เติมน้ำมันใหม่ แล้วติดเครื่องยนต์ได้
      7.7 เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว เข้าเกียร์ไม่ได้ วิ่งไม่ได้ เพราะ ผ้าครัชติดกับหวีครัช วิธีการแก้คือ เข้าเกียร์ 2 ติดเครื่อง 8 วินาที ใช้ได้สักระยะ ทำการเปลี่ยนลูกปืนครัชใหม่

8. รถจักรยานยนต์ ที่จมน้ำ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนข้อ 7.1 - 7.6

เครดิต: เพจ “เรื่องรถน่ารู้”

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์