ทั้งนั้น หากมองเรื่องมลพิษทางอากาศ ถือว่าจีนกำลังทำสงครามกับปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยมีข่าวว่าจีนเตรียมสร้างเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ในหลายเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นแหล่งที่ตั้งของ อุตสาหกรรม ซึ่งเครื่องฟอกอากาศจะมีความสูงประมาณ 60 เมตร สามารถฟอก อากาศเสีย ได้ 5-18 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ช่วยลดความหนาแน่นของฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ 10-19% ต่อพื้นที่ 10 ตารางกิโลเมตร และเป็นหนึ่งประเด็นที่อยู่ในเป้าหมายของการสร้างสังคมที่มีความกินดีอยู่ดีรอบด้านในปี 2020 จะยึดหลักความก้าวหน้าอย่างมีเสถียรภาพ พร้อมเอาชนะความท้าทายใน 3 ด้านหลัก คือ ความเสี่ยงทางการเงิน ลดความยากจน และปัญหาทางมลพิษ

จะเห็นได้ว่าประเทศจีนมีนโยบาย สั่งปิดโรงงานอุตสาหกรรมมาหลายปีติดต่อกันแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่เลวร้าย โดยเมื่อปีที่ผ่านมา จีนได้สั่งปิดโรงงานอุตสาหกรรมไปกว่า 40% ขณะเดียวกันได้ประกาศแผน ห้ามผลิต และจำหน่าย รถยนต์ ใช้น้ำมันพร้อมทั้งส่งเสริม รถยนต์ พลังงานไฟฟ้า ตัดต้นตอที่ทำให้เกิด มลพิษ ตอนนี้คนจีนมีระบบขนส่งสาธารณะเข้มแข็ง เพราะ รถไฟฟ้า สามารถเข้าถึงได้เกือบทุกมุมเมือง อีกทั้งรัฐบาลจีนยังมีการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่ รถยนต์ ส่วนตัวที่ประชาชนนิยมใช้ ส่วนใหญ่เป็น รถยนต์ พลังงานไฟฟ้า ที่น่าสนใจคือบนท้องถนนของจีน จะเต็มไปด้วย รถจักรยานยนต์ ไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดการเดินทาง ที่ไม่สร้างมลพิษ ทางอากาศ

จีนยังมีการพัฒนา ecosystem ต่างๆ ที่ทำให้สภาพอากาศของประเทศดีขึ้น มีนโยบายเกี่ยวกับการเพิ่มพื้นที่ป่าออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งปัจจุบันประเทศจีนมีพื้นที่ป่าประมาณ 208 ล้านเฮกตาร์ และในปีนี้รัฐบาลวางเป้าหมายที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าใหม่อย่างน้อย 6.6 ล้านเฮกตาร์

ดังนั้น จีนจึงเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ ประเทศที่ผ่านความล้มเหลวด้านสิ่งแวดล้อม มาก่อน เพื่อแลกกับการเติบโตสุดขีดทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อบริบทของโลกเปลี่ยนแปลงไป และเสียงเรียกร้องจากกระแสโลกในเรื่องการ ดูแลสิ่งแวดล้อม ดังขึ้นเรื่อยๆ จึงส่งผลให้จีนต้องเร่งปรับตัวครั้งใหญ่

เครดิต: ประชาชาติธุรกิจ

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์