ภัยของคนมีรถมีหลายประเภท ขนาดพยายามขับอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ไปชนชาวบ้าน ก็ยังไม่วายถูกชาวบ้านขับมาชนอีก บางทีจอดอยู่ในบ้านเราแท้ๆ ยังมีรถบุกลุยเข้ามาชนถึงในบ้าน ยังต้องคอยหลบหลีกพวก รถจักรยานยนต์ ที่ไม่รู้จักไฟเลี้ยว เบรค หรือช่องทางเดินรถ และที่แปลกสุดๆ ชนที่ไรเรามักผิดทุกที ทั้งๆ ที่พวกแหกเลน หรือวิ่งสวนเลนมาชนเราเองก็ตาม หรือแม้กระทั่งจอดรถก็ยังเป็นห่วง

สำหรับเรื่องที่น่าหวาดผวา โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ที่มักจะเป็นเป้าหมายหลัก (รวมทั้งาคุณผู้ชาย) คือการประสงค์ร้ายของบรรดามิจฉาชีพ ที่เห็นว่าการปล้นจี้ทำร้ายคนมีรถ ได้เงินมาก หรือบางทีก็ชิงรถเอาไปเลย อันที่จริงเราสามารถลดอันตรายจากผู้ร้ายลงได้ โดยการรู้จักวิธีประพฤติตัวให้ถูกต้อง

คนเดียวมีเสียว

เหล่าบรรดาคนร้ายใช่ว่าจะกล้าเสมอไป พวกมันก็กลัวเเหมือนกัน จึงมักจะเลือกเหยื่อที่อ่อนแอเป็นเป้าหมายก่อน อันดับแรกที่คนร้ายเลือกเหยื่อมักจะเป็น ผู้หญิง (เพศอ่อนแอ) โดยเฉพาะผู้ที่มาหรือขับรถอยู่ตามลำพัง ก็จะเป็นเป้าหมายหลัก ส่วนผู้ชายมักจะเป็นเป้าหมายรอง ถ้านั่งกันมาเยอะ อันนี้คนร้ายไม่นิยม เพราะควบคุมยากเผลอๆ มีสู้ก็จะลำบาก ดังนั้นหากไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ก็ควรจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

โอกาสลงมือ

ตราบใดที่รถยังวิ่งอยู่ คนร้ายย่อมไม่สามารถลงไม้ลงมือได้ ต้องเล่นงานตอนจอดรถ มักเป็นช่วงที่รถจอด อย่างเช่น หน้าประตูรั้วบ้านขณะจอดรถรอเปิดประตู หรือยิ่งพวกที่ลงจากรถมาเปิดประตูเอง พวกลานจอดรถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาคารจอดรถสำนักงาน ศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม โรงแรม โรงหนัง ฯลฯ ถึงแม้จะมีระบบรักษาความ\nปลอดภัยด้วย กล้องวงจรปิด แต่กว่าจะได้เรื่อง คนร้ายก็ไม่รู้ไปถึงไหนแล้ว หรือมี รปภ. คอยดูแล มักจะหา รปภ. ไม่เจอ

จุดจอดรถเพื่อรอรับบริการ ถึงบางแห่งจะมีรถจอดรอเป็นแถว แต่ถ้าคนร้ายเปิดประตูขึ้นรถมาได้ คนในรถคันอื่นก็ไม่สนใจ เพราะคิดว่าเป็นญาติหรือเพื่อน หาทางทำให้รถหยุด หากเป็นรถที่วิ่งอยู่ คนร้ายก็ต้องหาวิธีทำให้รถจอด ที่เจอบ่อยก็ประเภทมีอุบัติเหตุ แกล้งขับรถเฉียวชน แล้วให้จอดรถลงมาต่อรองกัน หรือแกล้งส่งสัญญาณว่ายางรถแบน ฯลฯ

ขบวนการลงมือ

วิธีการลงมีของคนร้ายมีมากมาย ควรเรียนรู้และระมัดระวังตัวเอาไว้บ้าง เพราะเวลาเจอเหตุการณ์ก็มักจะทำอะไรไม่ถูก และไม่สามารถเอาตัวรอดได้

ก่อนออกเดินทาง

ก่อนออกเดินทางให้พิจารณาเส้นทางและเวลาให้ดี หากต้องผ่านไปในทางเปลี่ยว และเป็นยามดึกดื่นค่ำคืน แบบนี้ควรจะหาคนนั่งรถไปเป็นเพื่อนด้วย อย่าขับรถเพลิน หมั่นดูกระจกมองหลัง สังเกตรถที่ตามว่า มีพฤติกรรมน่าสงสัยหรือไม่ พยายามหาทางพิสูจน์ เช่น ให้กับเร็วผิดปกติสลับกับขับช้ามากๆ หากขับเร็วแล้วพวกยังเร่งตาม หรือขับช้าก็ยังไม่ยอมแซง การขับวนรอบวงเวียนซัก 2-3 รอบ ลองขับยูเทิร์นวนที่เติมซัก 2-3 รอบ หากยังไม่แน่ใจแบบนี้ โทรศัพท์เรียกตำรวจได้เลย

จอดรถและลงจากรถ

ช่วงจอดรถและลงจากรถ เป็นจุดอ่อนที่คนร้ายคอยจ้องลงมืออยู่แล้ว ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ให้เลือกจอดรถที่มีแสงสว่างเพียงพอ อย่าเลือกจอดใกล้มุมอับ หรือสิ่งกำบังสายตา เช่น มุมอาคารหรือมีเสาต้นโตๆ ที่คนร้ายอาจใช้เป็นที่ซ่อนตัวได้ แม้จะเร่งรีบปานใดก็ตาม ก่อนจะลงจากรถ ควรจะมองตรวจสภาพรอบๆ ให้ดี ว่ามีอะไรน่าสงสัยบ้าง พยายามทำให้เป็นนิสัยยิ่งดี

กลับขึ้นรถในลานจอด

ขณะที่กำลังกลับมาขึ้นรถ จะเป็นอีกจังหวะที่ถูกคนร้ายเล่นงานมากที่สุด เพื่อที่จะทำให้เกิดความปลอดภัย อย่าเหม่อ คิดโน่นคิดนี้ ควรจะมองทางและมองไปยังที่รถจอดอยู่ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด หากต้องการรับโทรศัพท์ ให้หันกลับแล้วเดินห่างออกมาจากรถก่อน พูดเสร็จจึงค่อยเดินไปยังรถที่จอดอยู่ สังเกตท่าทีพวกที่คล้ายกับยืนรอถามทาง หรือพวกรอแจกใบปลิว ถ้ามีการซื้อของมาอย่าหอบพะรุงพะรัง ควรองเตรียมถือของ แบบว่าพร้อมใส่ในรถได้อย่างรวดเร็ว เตรียมกุญแจไว้เป็นที่เรียบร้อย ชนิดมาถึงรถก็ไขกุญแจ ขึ้นไปนั่งในรถ (พร้อมของ) ได้ทันที อย่าเสียเวลาและเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้ายบุกเข้าชาร์จถึงตัวเราได้ ปิดประตูและกดล็อคอย่างเร็วที่สุด รีบขับออกจากสถาน ห้ามนั่งแช่อยู่คนเดียวในรถที่จอด

ชนแล้วปล้น

การชนแล้วปล้นดูเหมือนจะเจอกันบ่อยที่สุด โดยการแกล้งขับรถชนท้าย แล้วให้ลงจากรถ มาตกลงค่าเสียหาย จากนั้นก็จะใช้อาวุธจี้ชิงทรัพย์รวมทั้งรถด้วย หรือใช้จังหวะที่เผลอชิงรถขับหนีไปเลย ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ถูกรถชนท้าย หากเป็นถนนเปลี่ยว เราขับรถไปคนเดียวด้วย แบบนี้คิดซะว่าฟาดเคราะห์ขับออกไปเลยดีกว่า ถ้าจอดรถเพื่อให้คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหาย อาจจะเสียหนักว่าก็เป็นได้

ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าผู้ชนเป็นคนร้ายหรือไม่ เมื่อถูกชนท้ายอันดับแรกหากยังไม่ได้ล็อคประตูรถให้ล็อคก่อนเลย แล้วอย่าลงจากรถอย่างเด็ดขาด ให้มองไปรอบๆ ตัว เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อน ดูว่ามีรถคันอื่นอยู่ในบริเวณนั้นหรือไม่ คนเดิน ร้านค้า มองว่าภายในรถที่ขับมาชนท้าย มีคนนั่งอยู่ที่คน ลักษณะท่าทางมีพิรุธน่าสงสัยอะไรบ้าง ถ้าไม่น่าวางใจ ไม่ควรลงจากรถอย่างเด็ดขาด โดยทั่วไปผู้กระทำผิด หรือคนที่ขับมาชนเรา ย่อมไม่มาบีบคั้นบังคับ หรือทุบกระจกให้ลงจากรถไปเจรจา จดเลขทะเบียนรถของคู่กรณีเอาไว้ ยี่ห้อ รุ่น และสีรถ หรืออย่างน้อยจำสีเอาไว้ก็ยังดี ต่อจากนั้นส่งสัญญาณให้ขับตามกันไปหาตำรวจ ออกไปพ้นที่เปลี่ยวแถวนั้นก่อน

ถ้าประเมินสถานการณ์แล้วว่า “ไม่เท่าไหร่” เช่น บริเวณนั้นไม่เปลี่ยวมากนัก พอจะมีคนเดิน ตอนลงจากรถต้องนำกุญแจลงจากรถ ป้องกันพวกเล่นทีเผลอ แอบขับรถเราที่มีกุญแจคาอยู่หนีไป หยิบเอาโทรศัพท์มือถือติดลงมาด้วย และต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา อย่าไปยืนใกล้เกินไป และอย่าเผลอ

สำหรับบางเหตุการณ์ที่ส่อแววว่าน่าจะเป็นการประสงค์ร้าย ก็ไม่ควรไปตอแยด้วย อย่างเช่น พบว่ามีรถขับปาด หรือแทรกมาอยู่ข้างหน้า แล้วเบรกอย่างกะทันหัน โดยที่ข้างหน้ารถคันนั้นก็ไม่เห็นจะมีอะไรให้สมควรเบรก ถ้าเราเบรกทันให้รีบปล่อยรถคันหน้าไปห่างๆ โดยการขับช้าลงเพื่อให้มีรถหลังแซงแทรกขึ้นมา หรือพยายามหาทางหลบ จะแวะจอดรถในปั้มน้ำมันที่มีผู้คนพลุกพล่าน ดีกว่าไปเสี่ยง

ถ้าพบว่ารถที่มาชนท้ายเรานั้นเป็น รถจักรยานยนต์ แล้วจอดรอให้เราลงไปตกลงเรื่องค่าเสียหาย โดยการชนไม่รูนแรมจนคนขับบาดเจ็บ โทรศัพท์แจ้งตำรวจ รับรองว่าเป็นคนร้าย เพราะไม่เคยปรากฏว่า รถจักรยานยนต์ บ้านเราที่ชนโคร แล้วเป็นฝ่ายผิด จะยอมจอดรถเพื่อรอชดใช้ค่าเสียหาย ถ้าไม่บาดเจ็บมากจนลูกไม่ไหว หรือรถพังขับไม่ได้แล้ว ส่วนใหญ่จะขับไปก่อนเลย

เครดิต: ยานยนต์ / กุมภาพันธ์ 2561

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์