คปภ.เผยปัจจัยเสี่ยงกระทบ ประกันภัย นาข้าว วืดเป้า 30 ล้าน เหตุ น้ำท่วม อีสาน รัฐจัดสรรพื้นที่ปลูกข้าว โซนไหนเสี่ยงสั่งปลูกพืชอื่น ส่งผลกระทบพื้นที่ทำ ประกันภัย ลดลง ผนึกเครือข่ายลงพื้นที่ดึงชาวนาซื้อเพิ่ม ด้าน ส.วินาศภัยก กันสำรองเบี้ย 75% เตรียมจ่ายนาล่มที่อิสาน

เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึง โครงการ ประกันภัย นาข้าว ปีการผลิต 2560 มี 2 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ทำให้พื้นที่ทำประกันภัยไม่ถึงตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยปัจจัยแรก เกิดน้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เร็วและหนักหลายจังหวัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศภัยพิบัติฉุกเฉิน ทำให้เกษตรกรที่ยังไม่ทันจะทำ ประกันภัย ไม่สามารถทำ ประกันภัย ได้

ปัจจัยที่สอง คือ การที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดพื้นที่ทำนาใหม่ พื้นที่ไหนเหมาะสมให้ปลูกข้าวต่อไปได้ พื้นที่ไหนไม่เหมาะสมไม่สามารถปลูกข้าวต่อได้ แนะนำให้ปลูกพืชอื่นๆ แทน ทำให้พื้นที่การทำนาลดลง เช่นกัน

โครงการ ประกันภัย นาข้าวของปีนี้ เหลือเพียงในส่วนของภาคใต้เท่านั้นที่จะทำ ประกันภัย ได้ ไม่เกินวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ความหวังตอนนี้อยู่ที่ภาคใต้ ต้องพยายามลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อจะทำให้ได้ตามเป้าหมาย หรืออย่างน้อยให้เท่ากับปีก่อน 27 ล้านไร่

อย่างไรก็ดี แนวทางที่จะเพิ่มพื้นที่นาข้าวทำ ประกันภัย ชดเชยพื้นที่ที่จะลดลง คือการจัดโครงการอบรมความรู้ประกันภัย (Training for the Trainers) ที่ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกษตรกร ซึ่งในปีนี้นอกจากจะเริ่มได้เร็วกว่าที่ผ่านมา และยังแตกต่างจากปีก่อน เพราะมีการลงพื้นที่พบเกษตรกรก่อนวันอบรมด้วย เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ รวมไปถึงชักชวนเกษตรกรในพื้นที่ ที่ยังไม่ถูก น้ำท่วม ให้ทำ ประกันภัย ซึ่งยอดของคนในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำ ประกันภัย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน

ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย และเลขาธิการสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมรองรับนาข้าวที่ทำ ประกันภัย และได้รับความเสียหายจาก น้ำท่วม ในภาคอีสานไว้แล้ว โดยได้กันเงินสำรองไว้แล้ว 75% ของเบี้ย ประกันภัย เพื่อจ่ายให้กับเกษตรกรทันทีที่การสำรวจความเสียหายเสร็จ ซึ่งน่าจะเพียงพอ โดยคาดว่าจะมีนาข้าวที่ทำ ประกันภัย เสียหายประมาณ 1 ล้านไร่ ค่าสินไหมทดแทนน่าจะอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังมีกองทุนผู้ประสบภัยที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเยียวยาเกษตรกรที่ทำ ประกันภัย และนาข้าวเสียหาย แต่ผู้ว่าฯ ไม่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ โดยกันเงินสำรองจากเบี้ย ประกันภัย ไว้อีกก้อนหนึ่ง ประมาณ 2.25% หรือประมาณ 50-60 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาใช้ไปประมาณ 10 กว่าล้านบาท

เครดิต: สยามอินชัวร์ นิวส์

ที่มา : โพสต์ทูเดย์