ความหอมหวลของตลาด ประกันสุขภาพ ในประเทศไทย ดึงดูดบริษัท ประกันภัย จากทั่วโลก ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ เข้ามาเปิดธุรกิจเพื่อแย่งชิงเบี้ย ประกันภัย และส่วนแบ่งตลาดกับผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัท ประกันสุขภาพ ชั้นนำของโลกจากสหรัฐฯ นาม “เอ็ทน่า อิงค์” (Aetna Inc) ได้ขยับเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากถอนตัวออกไปเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ เอ็ทน่า อิงค์ ได้เข้าซื้อธุรกิจ “บูพา ประเทศไทย” จาก “บูพา กรุ๊ป”

ประธานบริหาร เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า การซื้อกิจการในครั้งนี้ จะเพิ่มฐานการเข้าถึงตลาดเอเซียให้กับเอ็ทน่า รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการรุกตลาด บริการทางสุขภาพ ทั้ง “เชิงกว้างและเชิงลึก” ซึ่งจากความเชี่ยวชาญของเอ็ทน่า กอปรกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในระบบ บริการทางสุขภาพ และวัฒนธรรมของ บูพา ประเทศไทย จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในการบริการลูกค้าในประเทศไทย ให้มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น และสานต่อความเป็นหนึ่งของ บูพา ประเทศไทย ในการให้บริการดังกล่าว

“นับเป็นการขยายฐานสู่ภูมิภาคเอเชียของ เอ็ทน่า ที่สำคัญและน่าตื่นเต้น อีกทั้งยังบ่งบอกเป็นนัยสำคัญว่า เอ็ทน่ามุ่งมั่นที่จะลงทุนและเติบโตทั้งในภูมิภาคนี้และทั่วโลก ไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับเรา จากระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาด ผลักดันให้การ ประกันสุขภาพ เติบโตตามไปด้วย ด้วยพอร์ตสินค้าและบริการขนาดใหญ่ของเอ็ทน่า ผสานกับฐานความรู้ในตลาดและพนักงานที่มีความสามารถของ บูพา ที่จะถ่ายทอดมาให้เรา จะช่วยเสริมศักยภาพของเอ็ทน่า ให้แข็งแกร่งในตลาดนี้”

อย่างไรก็ดี ทางเอ็ทน่าไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการซื้อขายกิจการในครั้งนี้ ซึ่งภายหลังการซื้อกิจการ บูพา ประเทศไทย จะยังคงดำเนินงานภายใต้แบรนด์ “บูพา” ไปอีกระยะหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ ไปอยู่ภายใต้เอ็ทน่าในภายหลัง

“เอ็ทน่า” เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการผลประโยชน์ทางสุขภาพ ที่หลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยให้บริการแก่ลูกค้า 45 ล้านราย ครอบคลุมทั้งบริการทางการแพทย์ เภสัชกรรม ทันตกรรม พฤติกรรม แผนประกันชีวิตแบบกลุ่ม ประกันทุพพลภาพ การบริหารทางการแพทย์

สำหรับ “บูพา” เป็นกลุ่มผู้ให้บริการด้าน ประกันสุขภาพ ชั้นนำของโลกจากอังกฤษ ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 86,000 คน และมีสาขาอยู่ในประเทศต่างๆ ได้แก่ อังกฤษ ออสเตรเลีย สเปน ฮ่องกง โปแลนด์ นิวซีแลนด์ ชิลี บราซิล จีน ซาอุดิอาระเบีย อินเดีย และสหรัฐอเมริกา โดยรายได้ราว 70% มาจากธุรกิจการให้บริการด้าน ประกันสุขภาพ

ส่วน บูพา ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นมากว่า 30 ปี ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการให้บริการ ประกันสุขภาพ ในประเทศไทย ด้วยสมาชิกมากกว่า 300,000 คน และเครือข่ายผู้ให้บริการทางสุขภาพมากกว่า 400 แห่ง ซึ่งจากข้อมูลของ คปภ. ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 บูพา มีเบี้ย ประกันภัย รับรวม 1,216.72 ล้านบาท (เป็นเบี้ยประกันสุขภาพทั้งหมด) เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 42.54% สูงที่สุดในธุรกิจประกันสุขภาพในฝั่งประกันวินาศภัย ในปี 2559 บูพา มีเบี้ย ประกันภัย รับรวมทั้งสิ้น 2,788.06 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ “เอ็ทน่า อิงค์” ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2541 โดยเข้ามาร่วมทุนในบริษัท “เอ็ทน่า โอสถสภา ประกันชีวิต” ในนามของ “เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์” กระทั่งปี 2543 กลุ่มเอ็ทน่าตัดสินใจขายกิจการในเครือ 2 ราย คือ “เอ็ทน่า ไฟแนนซ์ เซอร์วิส” และ “เอ็ทน่า อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์” มูลค่ารวม 7,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.36 แสนล้านบาท ให้กับ “ไอเอ็นจี กรุ๊ป” ส่งผลให้กลุ่มไอเอ็นจีเข้ามาถือหุ้นใน “ไอเอ็นจี เอ็ทน่า โอสถสภา ประกันชีวิต” จนถึงปี 2546 จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “ไอเอ็นจี ประกันชีวิต” กระทั่งปี 2555 กลุ่มไอเอ็นจีก็ขายกิจการ “ไอเอ็นจี ประกันชีวิต” ให้กับ “แปซิฟิค เซ็นจูรี กรุ๊ป” (พีซีจี) และเปลี่ยนชื่อมาเป็น “เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต” ในปัจจุบัน

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์