สถาบันประกันภัยไทยห่วง ประกันภัย ไซเบอร์ แจ้งเกิดช้า เหตุ บริษัทประกันภัย ยังยื่นขอ คปภ.ขายยังน้อย เหตุต้องตั้งสำรองสูง แถมธุรกิจบ้านเรายังตื่นตัวต่างจากเมืองนอก ขณะที่ไทยรีฯ เมินรุกตลาด Commercial เหตุความชำนาญไม่พอ หันรุกดีไซน์แบบ ประกันภัย Personal Line จ่อให้บริษัท ประกันภัย พาร์ทเนอร์ขายต้นปีหน้า

กรรมการและผู้อำนวยการ สถาบันประกันภัยไทย เปิดเผยว่า การ ประกันไซเบอร์ ในบ้านเราคงจะค่อยเป็นค่อยไป โดย บริษัทประกันภัย ไทยที่ยื่นขออนุมัติขาย ประกันไซเบอร์ ขณะนี้ยังมีเพียง 7 บริษัทซึ่งถือว่ายังน้อยมาก ทั้งนี้อาจจะมาจากสองส่วนคือ บริษัทประกันบ้านเราไม่กล้าขยายตลาด ประกันภัย ไซเบอร์ กันมากนัก เพราะติดขัดเรื่องของการบริหารจัดการในเรื่องของกลยุทธ์ความเสี่ยง เพราะไม่มีใครขยายมาก มิฉะนั้นต้องสํารองเรื่องเบี้ย ประกันภัย ค่อนข้างสูง เพราะปัจจุบันการ ประกันภัย ต่อในลักษณะสัญญา Fact Reinsurance คปภ.ยังไม่เปลี่ยนกฎ โดยอาจต้องไปขออนุมัติ คปภ.เป็นรายๆ ไป ทั้งนี้เหตุที่ต้องตั้งสำรองสูง ก็เพราะหากบริษัทรับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศ (รีอินชัวเรอร์นอก) เจ๊งหรือปิดกิจการไป ย่อมอาจเกิดความเสี่ยงในการจ่ายสินไหมเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะความเสียหายในเรื่องไซเบอร์ริคค์ค่อนข้างสูงมากทีเดียว

ขณะเดียวกันธุรกิจบ้านเราอาจจะยังไม่ตื่นตัวเหมือนต่างประเทศ โดยมองเรื่องไซเบอร์เป็นเรื่องเล็ก ในขณะที่ถ้าออกแบบสอบถามไปยังประเทศทั่วโลก เรื่องไซเบอร์ริคค์เป็นเรื่องใหญ่ระดับท็อปทรีก็ว่าได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนเองอยากเห็นธุรกิจบ้านเรา ได้ตระหนักและตื่นตัวกับเรื่องไซเบอร์มากขึ้นกว่านี้ เพราะความเสี่ยงภัยไม่รอใคร เพราะมันอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อวันหนึ่งคุณถูกพวกแฮกเกอร์ ก็สายเกินไปเสียแล้ว สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น อีกทั้งอยากให้ บริษัทประกันภัย ไทยได้ดีไซน์ออกแบบ ประกันไซเบอร์ ออกมาขายมากขึ้น ก็จะทำให้ตลาด ประกันไซเบอร์ บ้านเราแข็งแกร่งขึ้นมาเป็นระดับผู้นำ และมีอำนาจต่อรองกับตลาดรับ ประกันภัย ต่อต่างประเทศได้

ด้าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ (ไทยรี) กล่าวว่า ขณะนี้ไทยรีฯ อยู่ระหว่างกำลังศึกษาแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ไซเบอร์ Insurance ออกมาขายในลักษณะ Personal Line มากกว่าที่จะออกผลิตภัณฑ์มาขายในลักษณะ Commercial Line ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญอย่างมากทีเดียว อีกทั้งด้วยความซับซ้อนและมีขอบเขต หรือ Scale ความคุ้มครองหรือรับผิดมันใหญ่ทีเดียว อย่างเช่นพวกธุรกิจไฟแนนซ์ โรงพยาบาล ซึ่งไทยรีฯ คงยังไม่มีความชำนาญมากขนาดนั้น

ดังนั้นไทยรีฯ น่าจะขายผลิตภัณฑ์ในลักษณะ Personal Line เหมาะสมกว่า โดยบริษัทคาดว่าจะพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์นำออกมาให้บริษัท ประกันภัย ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับไทยรีฯ ได้ขายภายในต้นปีหน้า ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะออกมาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ใด โดยปัจจุบันมี 2 รูปแบบ คือ ในลักษณะรูปแบบ Financial กับ Non-Financial ซึ่งหากเป็นรูปแบบ Non-Financial ค่อนข้างทำยากกว่า Financial

“สำหรับความเสียหายในเรื่องข้อมูลมันยาก ไม่เหมือนความเสียหายเป็นตัวเงิน เช่นสมมติยกตัวอย่าง เกิดความเสียหายลักษณะคอมพิวเตอร์โดนแฮกเกอร์ อย่างเช่นกำลังทำวิทยานิพนธ์อยู่ ข้อมูลหายไป ทำให้เรียนไม่จบ ต้องจ่ายค่าเทอมเพิ่มอีก 2 เทอม หรือ 3 เทอม หรือทำวิทยานิพนธ์ใหม่อีก ก็ต้องไปว่ากัน ตรงนี้ถึงบอกว่ามันยาก ไม่เหมือน Financial มันง่ายกว่าเยอะ อย่างเวลานี้มาแน่นอน ธุรกรรมต่างๆ ที่มีการเบิกเงิน ซื้อของตามออนไลน์ มีความเสี่ยงหมด อย่างโอนเงินไป 5 พันบาท เงินหาย เราสามารถตรวจสอบและบริหารจัดการความเสี่ยง หรือจ่ายสินไหมได้ง่ายกว่า”

ที่มา : เส้นทางนักขาย