ธุรกิจ ประกันภัย แข่งขันกันนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ มาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการแข่งขัน นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านราคาเข้าช่วงชิงงานกัน โดยเฉพาะ ประกันภัยรถยนต์ เค้กชิ้นใหญ่ที่สุดของธุรกิจประกันวินาศภัย เพื่อเจาะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุค 4.0 ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วและความคุ้มค่าของเงิน

“วิริยะ” ชูระบบใหม่ / เพิ่มจุดตรวจ อบ. “พนักงานเคลม” ถึงที่เกิดเหตุไว

บมจ.วิริยะประกันภัย ประกันภัยรายใหญ่ของประเทศยังคงมุ่งไปที่การพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาคุณภาพของพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ เพื่อไปถึงที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด ผสานกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ “วิริยะ สมาร์ทเคลม” หรือ วีเอสซี โดยเป็นการจำลองแผนที่ในกรุงเทพมหานครขึ้นมา เชื่อมต่อกับระบบจีพีเอสและคอล เซ็นเตอร์ 1557 เกิดความแม่นยำในการจัดส่งพนักงานเคลมเข้าไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 20 นาทีที่บริษัทตั้งเป้าไว้

ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เพิ่ม “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” เพื่อปิดจุดอ่อนการบริการที่เป็นปัญหาในช่วงรอยต่อระหว่างศูนย์ตรวจสอบอุบัติเหตุในพื้นที่ที่มีอยู่ 20 ศูนย์ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่เร็วมากขึ้น พนักงานยังมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

“อีเอ็มซีเอส” คุมค่าซ่อมอู่ห้าง เล็งเปิด “วี-ออโต้” คุมราคาอู่วิริยะ

ในส่วนการดูแลค่าซ่อม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคู่ค้าและลูกค้าที่ซ่อมอู่ห้างนั้น บริษัทเพิ่งนำระบบ “อีเอ็มซีเอส” หรือระบบเคลมออนไลน์ มาใช้ในการตรวจสอบราคาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้การจ่ายสินไหมเร็วขึ้น สะท้อนต้นทุนได้ชัดเจนมากขึ้น และลดการรั่วไหลลงได้ ขณะเดียวกันเตรียมจะนำเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “วี-ออโต้” มาใช้คุมราคากับอู่ซ่อมมาตรฐานของบริษัทที่มีอยู่กว่า 400 แห่งทั่วประเทศด้วย คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในปีหน้า

ด้านผลประกอบการ บริษัทเพิ่งปรับเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ใหม่เป็นประมาณ 6-7% จากเดิมตั้งไว้ 2-3% หลังจากในช่วง 5 เดือน มีเบี้ย ประกันภัย ประมาณ 10,000 ล้านบาทเศษ เติบโตเฉลี่ยประมาณ 7%

“กรุงเทพ” ชิงออก “บีเคไอ เอสการ์ด” นวัตกรรม ประกันภัยรถยนต์ รูปแบบใหม่

ด้าน บมจ.กรุงเทพประกันภัย บริษัทแรกที่นำระบบเทคโนโลยี “เทเลเมติกส์” (Telematics) เข้ามาใช้ในการ ประกันภัยรถยนต์ ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวนวัตกรรมการบริการกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ รูปแบบใหม่ “บีเคไอ เอสการ์ด” (BKI EsCard) เป็นรายแรกอีกเช่นกัน เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลของผู้เอา ประกันภัย และรายละเอียดต่างๆ ที่มีอยู่ในกรมธรรม์ ประกันภัย มารวมอยู่ในโทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนที่เดียว เหมือนเป็นกรมธรรม์ฉบับย่อ สะดวกมากขึ้นเพียงปลายนิ้วสัมผัส สามารถค้นหาข้อมูลการ ประกันภัยรถยนต์ ของตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถแจ้งหรือทำเคลม รถยนต์ ออนไลน์ได้ทันที รวมไปถึงบริการแจ้งเตือนต่ออายุกรมธรรม์ล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ

“ไทยวิวัฒน์” ตอกย้ำผู้นำนวัตกรรม ประกันเติมเงินตัวใหม่ “เปิด-ปิด” อัตโนมัติ

ด้าน บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ อีกหนึ่งผู้นํานวัตกรรม ประกันภัยรถยนต์ ที่เปิดมิติใหม่ให้กับวงการ จากการพัฒนา “แบบประกันรถเติมเงิน เปิด-ปิดความคุ้มครอง” ออกสู่ตลาดรายแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุดได้พัฒนา “ประกันรถเติมเงินเวอร์ชั่นใหม่” ออกมา โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้เป็นการเพิ่มฟังก์ชันการเปิด-ปิดความคุ้มครองแบบอัตโนมัติ ด้วยระบบทีบีคอน (TBeacon) ลูกค้าสามารถใช้งานผ่านการเชื่อมต่อระบบนี้เข้ากับสมาร์ทโฟน ซึ่งจะทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Thaivivat เวลาขึ้นลงรถ ประกันก็จะเปิด-ปิดให้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องลืมเปิด-ปิดอีกต่อไป โดยอุปกรณ์นี้ติดตั้งให้ลูกค้าฟรี ตอบโจทย์การใช้งานจริงของลูกค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งต้องการความเป็นอิสระของชีวิต ใช้จ่ายเงินคุ้มค่า โดยได้ขยายแบบประกันให้ครอบคลุม ประกันภัยรถยนต์ ทุกประเภท พร้อมทั้งเพิ่มแพ็คเกจความคุ้มครองแบบ รายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน และราย 12 เดือน จากเดิมมีแพคเกจเดียวคือรายเดือน ครอบคลุมทุกการใช้งานของผู้บริโภค ด้านบริการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้เอาประกันสามารถแจ้งเหตุด่วนผ่านแอพพลิเคชั่นตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานจะไปถึงที่เกิดเหตุทันทีด้วยระบบจีพีเอส และสามารถตรวจสอบว่าพนักงานมาถึงไหนแล้วได้

“เวอร์ชั่นใหม่เป็นการเจาะเซ็กเมนต์ลูกค้าความเสี่ยงต่ำได้ดีขึ้น เป็นกลุ่มที่มี Loss Ratio ประมาณ 40% ลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่เฉลี่ยใช้รถต่ำกว่า 4 ช.ม.ต่อวัน ตรงกับเป้าหมายของเรา กลุ่มนี้ซื้อแล้วคุ้ม ส่วนคนที่เสียงสูงๆ ไม่เหมาะ หากซื้อ 30 วัน ใช้แค่ 3-4 วันก็หมดแล้ว เรามีแผนจะขยายประกันเติมเงินไปยังสินค้าอื่นๆ ด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานของภาครัฐที่จะอนุมัติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน”


เครดิต : สยามอินชัวรันส์ นิวส์

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์