ธุรกิจ ประกันภัย ในมาเลเซีย กำลังจะถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง เมื่อธนาคารกลางมาเลเซีย (Bake Negara Malaysia) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินทั้งระบบรวมถึงธุรกิจ ประกันภัย กำลังชั่งน้ำหนักการบังคับใช้กฎหมาย จำกัดเพดานสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัท ประกันภัย ภายในประเทศ ท่ามกลางความพยายามที่จะส่งเสริมนักลงทุนท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม ประกันภัย เพิ่มขึ้น

บลูมเบิร์ก รายงานข่าวนี้ โดยอ้างถึงแหล่งข่าวรายหนึ่งในอุตสาหกรรม ประกันภัย ว่า ธนากลางกลางกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงกฎเกณฑ์ในปัจจุบัน ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเตรียมจะออกประกาศนโยบายใหม่ จากที่อนุญาตให้บริษัท ประกันภัย ต่างชาติถือหุ้นในบริษัท ประกันภัย ท้องถิ่นได้ถึง 100% เต็ม จะต้องลดสัดส่วนลงมาเหลือไม่เกิน 70% เท่านั้น โดยประกาศนี้จะให้มีผลทันที อาจจะเริ่มตั้งแต่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แหล่งข่าวกล่าวว่า บริษัท ประกันภัย ที่ไม่สามารถปฏิบัติตามประกาศใหม่นี้ได้ อาจจะได้รับการผ่อนผันในเรื่องต่างๆ น้อยลงในอนาคต และบริษัท ประกันภัย นั้นๆ ต้องแสดงให้แบงก์ชาติเห็นถึงความสนใจอย่างแรงกล้า ในการทำธุรกิจในมาเลเซีย

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวถึงรายละเอียดต่างๆ ของประกาศนี้ว่า ทางแบงก์ชาติยังอยู่ระหว่างหารือกันอยู่ ซึ่งจะรวมไปถึงการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจ้างงานชาวมาเลเซีย สำหรับงานที่มีทักษะสูงให้มากขึ้น ตลอดไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มตลาดท้องถิ่นเฉพาะกลุ่ม (Niche local market) ให้มากขึ้น

ผู้ว่าการธนาคารกลาง ได้กล่าวบนเวทีประชุมสุดยอดอุตสาหกรรม ประกันภัย ที่จัดขึ้นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา โดยเตือนบริษัท ประกันภัย ต่างชาติว่า ต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นในการปรับตัวให้เข้ากับตลาดมาเลเซีย ซึ่งการที่บริษัท ประกันภัย บางแห่งมุ่งให้ความสำคัญกับผลกำไรในระยะสั้นนั้น ต้องมาจากใช้จ่ายในการให้บริการลูกค้าของพวกเขา เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุด

บนเวทีนั้น ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซียเผยถึงสถิติที่น่าสนใจว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา อัตราการทำ ประกันชีวิต ของมาเลเซียหยุดนิ่งอยู่ที่ 55% มาตลอด หลังจากเคยกระโดดพรวดขึ้นจาก 33% ในปี 2544 เป็น 51% ในปี 2553

ปัจจุบัน บริษัท ประกันภัย ต่างชาติอาทิ เอไอเอ กรุ๊ป, เกรีท อีสเทิร์น โฮลดิ้ง และบริษัท โตเกียว มารีน โฮลดิ้ง ล้วนถือหุ้น 100% ในบริษัท ประกันภัย ทั้ง ประกันชีวิต และประกันวินาศภัยที่เปิดอยู่ในมาเลเซีย ซึ่งนอกจากจะแข่งขันกับคู่แข่งต่างชาติด้วยกันแล้ว ยังต้องแข่งขันกับคู่แข่งท้องถิ่นเจ้าใหญ่ๆ อาทิ บริษัท Etiqa Insurance Bhd ในเครือ Malayan Banking Bhd และบริษัท ทูนประกันภัย มาเลเซีย บีเอชดี ของมหาเศรษฐีชาวมาเลเซีย เชื้อสายอินเดีย เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย

ตามรายงานของธนาคารกลาง เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาระบุว่า ในปี 2559 อุตสาหกรรม ประกันภัย และตะกาฟูลมาเลเซีย มีสินทรัพย์รวมกันถึง 2.77 แสนล้านริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 2.77 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% โดยมีเบี้ย ประกันภัย รับรวมทั้งสิ้น 6.13 หมื่นล้านริงกิต หรือประมาณ 6.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4%

มาเลเซียเริ่มเปิดเสรีธุรกิจ ประกันภัย ให้ต่างชาติเป็นเจ้าของบริษัท ประกันภัย ท้องถิ่น ตั้งแต่ปี 2552 ด้วยการแก้ไขกฎระเบียบใหม่ อนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น จากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 49% เป็นไม่เกิน 70% ส่วนที่เกินเพดาน 70% อาจได้รับอนุญาตเป็นรายกรณีไป สำหรับบริษัท ประกันภัย ที่ต้องการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์