คปภ.จ่อไฟเขียวเปิดเสรีเบี้ย ประกันชีวิต และเบี้ยประกันวินาศภัย ประเดิมเบี้ย ประกันภัย กลุ่มนำร่อง ขณะที่สมาคมประกันชีวิตไทยหวั่นเกิดผลกระทบ เร่งศึกษาผลกระทบรอบด้านทั้งบริษัทประกันชีวิตด้วยกันเอง และฟากบริษัทประกันวินาศภัยที่ขายเบี้ย ประกันสุขภาพ หวั่น ประกันภัย แข่งตัดเบี้ยรุนแรง เสนอ คปภ.ตีกรอบให้ไฟเขียวเฉพาะรายบริษัทที่แข็งแกร่ง กำหนด CAR Ratio ต้องไม่ต่ำกว่า 200% ถึงจะไฟเขียวเปิดเสรีให้บริษัทรายดังกล่าว

รองเลขาธิการด้านกำกับ สํานักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.เตรียมเปิดเสรีเบี้ย ประกันชีวิต และเบี้ยประกันวินาศภัย จากเดิมที่ต้องขอความเห็นชอบจาก คปภ.แต่จากนี้จะเปิดกว้างมากขึ้น โดยจะเริ่มต้นที่เบี้ย ประกันภัย กลุ่มก่อน เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยขยับไปยังเบี้ย ประกันชีวิต และเบี้ยประกันวินาศภัยแต่ละประเภท โดยทาง คปภ.ยอมให้ใช้ระบบ File & Used แทนที่ต้องรอให้ทาง คปภ.พิจารณาถึงจะดำเนินการนำผลิตภัณฑ์ไปขายได้

สมมุติว่า มีข้อยกเว้นเดิมที่ไม่จ่ายโรคร้ายแรงสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทมา 13 ข้อ แต่ต่อมาบริษัท ประกันภัย จะมาขอทาง คปภ.ยกเว้นให้เหลือ 10 ข้อ ซึ่งกรณีนี้บริษัท ประกันภัย สามารถดำเนินการได้เลย โดยทาง คปภ.จะไม่ว่ากล่าวใดๆ ถ้าหากจะเพิ่มข้อยกเว้นไม่จ่ายโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้นจาก 13 ข้อ เป็น 15 ข้อ กรณีเช่นนี้คงไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะต้องขออนุญาตจากทาง คปภ.ด้วยนั่นเอง

ต่อจากเรื่องนี้ แหล่งข่าวจากบริษัท ประกันชีวิต รายหนึ่ง กล่าวว่า ในประเด็นนี้ทราบว่า ทางสมาคมประกันชีวิตไทยก็กำลังศึกษาแนวทางการเปิดเสรีเบี้ย ประกันภัย โดยเฉพาะสมาคมประกันชีวิตไทยมีความคิดว่า ควรจะมีการนำเรื่องอัตรา CAR Ratio มาใช้เป็นกลไกหรือเครื่องมือร่วมด้วย เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันความเสี่ยงให้กับธุรกิจ ประกันภัย โดยรวม

ทั้งนี้ อาจจะกำหนดให้บริษัท ประกันภัย ที่เข้าข่ายจะขายผลิตภัณฑ์บางประเภท และได้รับสิทธิเสรีในการใช้อัตราเบี้ย ประกันภัย นั้น จำเป็นต้องมีตัวเลข CAR Ratio ไม่ต่ำกว่า 200% ไม่ใช่บริษัท ประกันภัย รายใดก็ได้รับสิทธิ์โค้ดเบี้ย ประกันภัย ได้อย่างเสรี โดยเฉพาะเบี้ย ประกันภัย กลุ่มปัจจุบันมีการตัดราคาแข่งขันกันในตลาดสูงอยู่แล้ว ซึ่งสภาพการดำเนินธุรกิจ ประกันภัย กลุ่มในปัจจุบันก็มีการแจกส่วนลดให้ลูกค้า หากมีการตัดราคาแข่งเบี้ย ประกันภัย รุนแรงอีก ก็เท่ากับยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ ดังนั้นทาง คปภ.จึงควรจะศึกษาอย่างรอบคอบกับนโยบายเรื่องนี้

“เข้าใจว่า ขณะนี้ทางสมาคมประกันชีวิตไทยกำลังมีการพูดคุย เรื่องผลกระทบในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะคงไม่เห็นด้วยที่จะให้ความอิสระในการโค้ดเบี้ย ประกันภัย ในรายที่จะทำได้เช่นนี้ จะต้องมีฐานะการเงินมั่นคง ถ้าไม่มั่นคงแล้วจะขายอย่างอิสระก็ไม่ควร โดยอาจจะนำผลการศึกษาของผลกระทบเรื่องนี้เข้าไปหารือในบอร์ดสมาคมฯ อีกครั้ง ก่อนที่จะเสนอมุมมองให้กับทาง คปภ.ต่อนโยบายเปิดเสรีเบี้ย ประกันภัย ต่อไป”

แหล่งข่าวรายนี้กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในหลักการคำนวณเบี้ย ประกันภัย จำเป็นต้องมีปัจจัย เรื่องของค่าใช้จ่ายเรื่องการลงทุน และเรื่องของอัตราค่านายหน้า หรือคอมมิชชั่น เข้ามาผูกหรือเกี่ยวข้องด้วยสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุด ก็คือ บริษัทขนาดใหญ่จะได้เปรียบบริษัทขนาดเล็ก เพราะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่ำกว่าบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้บริษัทเล็กแข่งขันและสู้ได้ลำบากขึ้น ยิ่งบริษัทขนาดเล็กไปตัดราคาแข่งขันด้วย จะเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย เรื่องน่ากลัว ก็คือ การที่บริษัทขนาดเล็กใช้นโยบายทุ่มตลาด จะทำให้ฐานะการเงินไม่ดี และทรุดลงได้อย่างง่าย

ขณะเดียวกัน ทางสมาคมประกันชีวิตไทยก็ต้องศึกษา และนำกรณีบริษัทประกันวินาศภัยมาเปรียบเทียบด้วย หากภาครัฐมีการเปิดเสรีเบี้ย ประกันภัย เกิดขึ้น จะเชื่อได้อย่างไรว่า บริษัทประกันวินาศภัยที่ขาย ประกันสุขภาพ จะไม่แข่งขันตัดราคาค่าเบี้ย ประกันภัย อย่างรุนแรงขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมากทีเดียว

ที่มา : เส้นทางนักขาย