กระแสการเพิ่มทุนของบริษัท ประกันภัย เพื่อให้กองทุนแข็งแกร่ง ฐานะการเงินมั่นคงยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง (RBC) และรองรับการขยายธุรกิจยังคงคึกคัก ข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พบว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี 2559 มีบริษัท ประกันภัย ทั้ง ประกันชีวิต และ ประกันวินาศภัย เพิ่มเงินทุนเข้ามาหลายบริษัท ซึ่งน่าจะมากที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ ได้แก่ บริษัท เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนอีก 1,500 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน ทำให้เงินทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น จากเดิมมีอยู่ 6,698 ล้านบาท เป็น 8,198 ล้านบาท ชำระเต็มจำนวน

บมจ. เมนูไลฟ์ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนอีก 180 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 1,605 ล้านบาท เป็น 1,785 ล้านบาท ชำระเต็มจำนวนเช่นกัน บริษัท เจนเนอราลี่ประกันภัย (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนอีก 650 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 860 ล้านบาท เป็น 1,510 ล้านบาท แต่เรียกชำระเงินทุนจดทะเบียนงวดแรกก่อน 245 ล้านบาท ทำให้มีเงินทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ณ 31 ธ.ค. 2559 จำนวน 1,105 ล้านบาท

บริษัท เอสพีจีประกันภัย (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนอีก 10.59 ล้านบาท จากเดิมมี 60 ล้านบาท เป็น 70.59 ล้านบาท บริษัท เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนอีก 70 ล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 766.3 ล้านบาท เป็น 836.3 ล้านบาท ชำระเต็มจำนวน โดยก่อนหน้านี้ เคเอสเค ประกันภัย ได้ดำเนินการทั้งเพิ่มทุนและลดทุนเช่นกัน โดยได้เพิ่มทุนจดทะเบียนถึง 3 ครั้ง เริ่มจาก 80 ล้านบาท 40 ล้านบาท และ 90 ล้านบาท ตามลำดับ จนทำให้เงินทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น จากเดิม 1,356.3 ล้านบาท เป็น 1,566.3 ล้านบาท ก่อนจะลดเงินทุนจดทะเบียนลงอีก 800 ล้านบาท เหลือ 766.3 ล้านบาท กระทั่งเพิ่มทุนเข้ามาอีก 70 ล้านบาท ตามข้างต้น

เช่นเดียวกับ บริษัท ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งหลังจากการเพิ่มทุนและลดทุนมาตลอด จากเดิมมีเงินทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท ก่อนจะลดทุนจดทะเบียนลงอีก 300 ล้านบาท เหลือ 500 ล้านบาท ต่อมาได้เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนอีก 2,720 ล้านบาท เป็น 3,220 ล้านบาท ด้วยวิธีการออกหุ้นเพิ่มทุนไม่ต่างจากบริษัทอื่น โดยทยอยเรียกชำระเงินเพิ่มทุนของใหม่เป็นระลอกจนครบตามจำนวน กระทั่งล่าสุดได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 1,000 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 4,220 ล้านบาท โดยทยอยเรียกชำระเงินทุนจดทะเบียนงวดแรกก่อน 200 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หลังจากได้เพิ่มเงินทุนจดทะเบียนไป 2 ครั้ง อีก 80 ล้านบาท และ 50 ล้านบาท ตามลำดับ พร้อมเรียกชำระเต็มจำนวน จนทำให้มีเงินทุนจดทะเบียน 640 ล้านบาทนั้น ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ลดเงินทุนจดทะเบียนลงอีก 400 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันเหลือเงินทุนจดทะเบียน 240 ล้านบาท

FWD แจงเติมทุนรับเป้าโตติด “ท็อป5”

กรณี เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต นั้น ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน ให้ข้อมูลว่า ผู้ถือหุ้นได้เพิ่มทุนจดทะเบียนให้กับบริษัท เพื่อกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจที่กำลังไปได้ดีอย่างต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยนับเป็นบริษัท ประกันชีวิต ที่เติบโตสูงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทมีเงินสำรองเพื่อรองรับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท ประกันชีวิต ทุกราย

นอกจากนี้เงินทุนสำรองที่เพิ่มเข้ามา ยังทำให้บริษัทสามารถนำไปต่อยอดการบริหารจัดการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของ เอสดับบลิวดีประกันชีวิต ว่าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับท็อป 5 ของธุรกิจ ประกันชีวิต ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้

สำหรับ เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนครั้งล่าสุดนี้ ได้มีการเพิ่มเงินทุนเข้ามาแล้วระดับ 1,500-2,000 ล้านบาท

ส่วนบริษัท แมนูไลฟ์ นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ จะมีการขยายงานในโครงการใหม่ๆ หลังจากปีที่ผ่านมามีซีอีโอใหม่เข้ามาบริหาร และใช้เวลาในการปรับระบบงานและแผนงานต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายงานในปี 2560 นี้

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์