ผู้อำนวยการอาวุโส ช่องทางการขายใหม่ และการทำตลาดภาพลักษณ์ บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย เปิดเผยว่า ปี 2560 บริษัทได้ทำตลาด ประกันภัย รถแท็กซี่ เป็นครั้งแรก ทั้ง แท็กซี่ส่วนบุคคล อู่แท็กซี่ เป็นการรับ ประกันภัย ทุกประเภทตามสภาพรถ ขณะนี้มี รถแท็กซี่ ในพอร์ตแล้วกว่า 3 หมื่นคัน
"วันนี้เรามีพอร์ต ประกันภัยรถยนต์ มากพอ และมีประสบการณ์ในการรับ ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทมากพอ ในการนำมาวิเคราะห์ข้อมูล และประเมินความเสี่ยงได้ จึงมั่นใจในการทำตลาดนี้"
เมื่อมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อพิจารณารับ ประกันภัย แล้ว หลังจากนั้น จะขึ้นอยู่กับกระบวนการบริหารจัดการหลังการขาย ที่บริษัทมั่นใจว่ามีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับได้ ภายใต้ความคุ้มครองที่แตกต่างกัน
สำหรับปี 2560 ตั้งเป้าเติบโต 10% และจะเป็นปีที่บริษัทเริ่มขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูล หรือการใช้บิ๊กดาต้ามาสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ คือ การรับ ประกันภัยรถยนต์ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 3,000 คัน รวมทั้งใช้บิ๊กดาต้า มาขยายตลาดลูกค้ารายย่อย ด้วยการเสนอความคุ้มครอง ที่ครอบคลุมความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละคน เพื่อเพิ่มสัดส่วน ประกันภัย ที่ไม่ใช่ รถยนต์
"บริษัทแม่ได้วางกลยุทธ์ให้บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย ในไทย จะต้องเติบโต เพราะในเอเชีย ถือว่าไทยใหญ่ที่สุด โดยปีที่ผ่านมาเติบโต 8% เทียบกับอุตสาหกรรมที่โต 1% กว่าๆ โดยมีการดึงความรู้และประสบการณ์ จากบริษัทแม่ในสหรัฐ รวมถึงเครือข่ายบริษัทแม่ในเอเชียมาปรับใช้"
ทั้งนี้ ปี 2559 ที่ผ่านมา สัดส่วน ประกันภัย ที่ไม่ใช่ รถยนต์ หรือ นันมอเตอร์ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20-25% ของเบี้ย ประกันภัย รวม จาก 2 ปีก่อนที่มีเพียง 2% เท่านั้น ในขณะที่สัดส่วนเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ อยู่ที่ 80-85% โดยมีลูกค้าที่อยู่ภายใต้การดูแลทั้งหมด ประมาณ 9 แสนราย
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย งวด 9 เดือนแรกของปี 2559 มีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,981 ล้านบาท เงินกองทุน 2,401 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุน ที่ต้องดำรงตามกฎหมายอยู่ที่ 683% จากที่กฎหมายกำหนดไว้ 140% มีกำไรสุทธิ 205 ล้านบาท เป็นบริษัทที่มี ขนาดใหญ่อันดับ 10 ในตลาดประกันวินาศภัยไทย
ที่มา : โพสต์ทูเดย์