“สมาคมประกันวินาศภัยไทย” ชี้กรณีอุบัติเหตุ รถฉุกเฉิน ถูก รถกระบะ ปิดทางเสียเวลา 14 นาที ทำผู้ป่วยตาย เป็นอุทาหรณ์น่าเศร้าใจ ล่าสุดเตรียมจับมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามเอ็มโอยู นำโครงการ “รถชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ ไม่ต้องรอ” คาดดีเดย์ประกาศใช้เร็วๆ นี้

รองประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ในฐานะหนึ่งในคณะทำงาน เรื่องข้อตกลงร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสมาคมประกันวินาศภัยไทย ในโครงการ “รถชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ ไม่ต้องรอ” เปิดเผยว่า จากกรณีอุบัติเหตุ รถฉุกเฉิน ของโรงพยาบาลเฉี่ยวชนกับ รถกระบะ โดยผู้ขับ รถกระบะ ไม่ยอมให้ รถฉุกเฉิน เคลื่อนรถไปรับผู้ป่วยที่เป็นหญิงวัย 74 ปี นำส่งโรงพยาบาลก่อน โดยให้รอเจ้าหน้าที่บริษัท ประกันภัย และตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อน จนกระทั่งทำให้ไปรับผู้ป่วยไม่ทัน เสียเวลาไปถึง 14 นาทีในการลำเลียงผู้ป่วยส่ง ร.พ. ทั้งๆ ที่ตามหลักการแล้ว หากรถมี ประกันภภัยรถยนต์ ชั้นหนึ่ง และมีการแยกรถจากที่เกิดเหตุกันได้ ก็จะทำให้ รถตู้ ฉุกเฉินไปรับผู้ป่วยได้ทัน

อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็คงจะพยายามผลักดันโครงการ “รถชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ไม่ต้องรอ” ออกมาให้โดยเร็วที่สุด โดยความคืบหน้าขณะนี้ ได้มีการร่างบันทึกความร่วมมือ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับสมาคมประกันฯ โดยสมาชิกของบริษัท ประกันภัย ทั้งหมด ออกมาเป็นรูปร่างเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะใช้ระบบ ประกันภัย มาแก้ปัญหาจราจร และจากปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีรถเฉี่ยวชนเล็กน้อย แต่ต้องมารอตำรวจและพนักงานเคลมของบริษัท ประกันภัย จนทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งทางตำรวจเองก็ต้องการจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงเป็นที่มาให้มีการหารือกับสมาคมประกันฯ ว่า จะมีวิธีการอย่างไรได้บ้าง ที่จะทำให้รถที่เฉี่ยวชนเล็กน้อย และตกลงกันได้ แทนที่จะไปจอดกีดขวางจราจรทำให้ รถยนต์ คันอื่นไปไม่ได้ สามารถจะแยกย้ายไปเข้าข้างทาง จึงเป็นที่มาของบันทึกความร่วมมือดังกล่าว

โครงการนี้คุยกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่หนังสือเอ็มโอยูไม่ผ่านการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนกระทั่งเราไปคุยกับฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจฯ จนได้ข้อสรุปเบื้องต้น โดยหลักถ้ารถที่มี ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ ประเภทไหนก็แล้วแต่ เฉี่ยวชนเล็กน้อย ซึ่งผู้ขับขี่ทั้งสองรู้ดีอยู่แล้ว ก็ตกลงกันเลย ไม่ต้องรอพนักงานเคลมมาบอก หรือตำรวจมาชี้ เพราะทั้งสองคันจะรู้ ก็ตกลงกันให้เรียบร้อย ใครผิดใครถูก ต่างฝ่ายต่างถ่ายรูปกันไว้ 4-5 รูป เช่นให้มีรูปสถานที่เกิดเหตุ เห็นพื้นที่การจราจรหน่อย ถ่ายภาพให้เห็นภาพทะเบียนทั้งสองคันที่ชนกัน ภาพความเสียหายที่มันเกิดขึ้น ภาพถ่ายใบขับขี่ เป็นต้น ซึ่งทุกวันนี้ทุกคนก็ใช้โทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว ก็สามารถจะใช้ข้อมูลเหล่านี้มาเป็นหลักฐานในการจัดการสินไหมของบริษัท ประกันภัย พอถ่ายรูปเสร็จ ก็แยกย้ายเข้าข้างทาง หรืออาจจะตกลงกันได้ ก็แยกย้ายกันได้เลย ไม่ต้องมารออะไร

สำหรับปัญหากรณีที่ผู้เอา ประกันภัย ไม่ได้พบหลักฐานน็อคฟอร์น็อค หรือสัญญาสละสิทธิ์ไม่เรียกร้องค่าเสียหายระหว่างกัน ระหว่างบริษัท ประกันภัย นั้น เรื่องนี้คงไม่มีปัญหา เพราะขั้นตอนขณะลูกค้าเกิดเหตุ ผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายจะโทรหาพนักงานบริษัท ประกันภัย เพื่อแจ้งว่าเกิดเหตุ พนักงานก็จะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ในคอนพิวเตอร์อยู่แล้ว รถเกิดเหตุอย่างไร ซึ่งเท่ากับทั้งสองบริษัท ประกันภัย จะบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อตรวจสอบว่า ฝ่ายหนึ่งมี ประกันภัย จริงไหม ถ้ากรณีมี ประกันภัย ก็แยกย้ายได้เลย แต่ถ้าไปชนกับรถที่ไม่มี ประกันภัย ถ้ากรณีที่ตกลงกันไม่ได้ หรือเฉี่ยวชนรถไม่มี ประกันภัย ก็อาจให้ถ่ายรูปและจอดรถข้างทาง เพื่อเจรจากันต่อไป โดยไม่ไปกีดขวางเส้นทางจราจรบนท้องถนน

“คาดว่าสมาคมประกันวินาศภัย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำการลงนามเอ็มโอยู นำโครงการ รถชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ไม่ต้องรอ มาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้ในเร็วๆ วันนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหารถติด”

ที่มา : สยามธุรกิจ