มูดี้ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้รายงานว่า บริษัท ประกันชีวิต ในไต้หวันอาจจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (เอฟเอสซี) ได้ออกประกาศระเบียบว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง หรืออาร์บีซี (RBC) ฉบับใหม่ ที่มีการแก้ไขใหม่หลายข้อ อาทิ การปรับเพิ่ม “ริสค์ ชาร์จ” ในส่วนของการคำนวณเงินกองทุนจากความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยจาก 0.3% เป็น 0.4%
นักวิเคราะห์จากไฟแนนเชียล อินสทิทิวชั่น กรุ๊ป กรุ๊ปสังกัดมูดี้ที่กล่าวว่า ภายใต้การคำนวณตามกรอบ RBC ใหม่ ที่มีการปรับปรุงความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย อัตราส่วนอาร์บีซี สำหรับบริษัท ประกันชีวิต จะลดลง ซึ่งมากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยของแต่ละบริษัท โดยบริษัท ประกันภัย จะตั้งสำรองกองทุนมากขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่มีมากขึ้น เพื่อให้ความเพียงพอของเงินกองทุนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัท ประกันชีวิต จะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีต้นทุนที่ต่ำลงของภาระหนี้สิน ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย จะทำให้บริษัท ประกันชีวิต ต้องปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกัน โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นยังทำให้บริษัท ประกันชีวิต ไม่สามารถที่จะใช้สมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนสูง เพื่อกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ประเภทสะสมทรัพย์ได้เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะลดการแข่งขันด้านราคาเบี้ย ประกันภัย และลดภาระหนี้สินของบริษัท ประกันชีวิต ลงได้ ช่วยลดผลกระทบบริษัท ประกันชีวิต จากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบันลงได้
“คาดว่าบริษัท ประกันชีวิต จะมุ่งขาย ประกันภัย แบบสะสมทรัพย์ ที่มีการการันตีผลตอบแทนต่ำ หรือประเภทคุ้มครองมากขึ้น เพื่อให้มีกำไรมากขึ้น ยกตัวอย่าง บริษัท คาเธ่ย์ประกันชีวิต และบริษัท ฟุบอนประกันชีวิต ที่ใช้กลยุทธ์ที่ว่านี้ ตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อลดภาระหนี้สินตามกรมธรรม์”
ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ภาระหนี้สินตามกรมธรรม์ของ คาเธ่ย์ประกันชีวิต ลดลงเหลือ 4.26% จาก 4.63% ในปี 2558 ขณะที่ ฟุบอนประกันชีวิต ลดลงเหลือ 3.79% จาก 4.07% ในปีเดียวกัน 2558 ซึ่งเชื่อว่ามีแนวโน้มลดลงอีก
มูดี้ คาดว่า กรอบ RBC ใหม่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัท ประกันชีวิต ณ สิ้นเดือนมิถุนายนปีนี้ คาเธ่ย์ประกันชีวิต มี คาร์ เรโช อยู่ที่ 288% ขณะที่ ฟุบอน อยู่ที่ 262%
ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์