ตลาด ประกันภัย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กำลังคึกคัก แม้ทั้งระบบจะมีเบี้ยประมาณ 1,800 ล้านบาท/ปี แต่บริษัทประกันวินาศภัยไทย ไม่ได้มองข้าม ต่างทยอยกันเข้าไปเปิดฐานธุรกิจกันอย่างต่อเนื่อง

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทประกันวินาศภัยในลาวมีทั้งหมด 7 บริษัท 4 บริษัทมาจากไทย ประกอบด้วย บริษัททิพยประกันภัย ที่ได้จับมือกับ บริษัทอาคเนย์ประกันภัย บริษัทไทยศรีประกันภัย และกลุ่มพานิชชีวะ เข้าไปเปิดบริษัททิพยประกันภัย (ลาว)

นับว่าเป็นการเข้าไปทำธุรกิจที่แตกต่างจาก บริษัทกรุงเทพประกันภัย บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ บริษัทเมืองไทยประกันภัย บริษัทวิริยะประกันภัย ที่เข้าไปแบบเดี่ยว ไม่ได้จับมือกับบริษัทอื่นๆ ในไทย แต่ไปร่วมทุนกับบริษัทในท้องถิ่น

ทั้งนี้ บริษัททิพยประกันภัย บริษัทกรุงเทพประกันภัย และ บริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์ ได้เข้าไปทำธุรกิจเต็มรูปแบบ

ขณะที่ บริษัทวิริยะประกันภัย เข้าไปในรูปของความร่วมมือกับ บริษัท อลิอันซ์ ประกันภัยลาว (AGL) ในรูปของการรับ ประกันภัยรถยนต์ ที่ข้ามมาฝั่งไทย และการให้บริการเคลมสินไหมทดแทน รถยนต์ ที่ข้ามจากไทยไปลาว ด้านบริษัทเมืองไทยประกันภัย เข้าไปในรูปของสำนักงานตัวแทน โดยมี ธนาคารเอสที เป็นพันธมิตร

การรวมกลุ่มกันเพื่อขยายธุรกิจต่างประเทศ เกิดจากความบังเอิญไปพบกันที่ประเทศลาว และต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน จึงตกลงที่จะจับมือกันในการทำธุรกิจ จะดีกว่าการมาแข่งขันกันเอง

นอกจากนี้ ยังมีข้อได้เปรียบ เพราะแต่ละกลุ่มมีลูกค้าของตัวเองอยู่แล้ว งานจะไหลเข้าบริษัทเดียว ทั้งทางตรง และการ ประกันภัย ต่อ เช่น บริษัททิพย ได้ลูกค้ามาก็จะทำ ประกันภัย ต่อกับ ทิพยประกันภัย ในไทยก่อนลำดับแรก หากไม่รับทั้งหมดจึงจะส่งต่อกลุ่มพันธมิตร เป็นโอกาสในการสร้างลูกค้า เพราะแต่ละกลุ่มจะมีลูกค้าของตัวเองที่ทำธุรกิจอยู่ในลาว

“ตอนนี้เราอยู่อันดับ 4 ของตลาด ประกันภัย ในลาว โดยอันดับ 1 คือ บริษัท อลิอันซ์ ประกันภัยลาว (AGL) เอจีแอล อันดับ 2 บริษัท ลาวเวียต อันดับ 3 บริษัท โตโค จากทั้งหมด 7 บริษัท”

กล่าวอีกว่า ขณะนี้ บริษัททิพยประกันภัย (ลาว) สามารถเข้าไปเป็นบริษัท ประกันภัย อันดับ 5 ของธนาคารกสิกรรมลาว ให้ลูกค้าของธนาคารเป็นผู้เลือกใช้บริการ

ทั้งนี้ เพราะตลาดลาวเริ่มรับรู้แบรนด์ของบริษัทฯ หลังจากที่เข้าไปทำตลาดได้ครบ 2 ปี และมีการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพลักษณ์ดีมาก เพราะมีการนำบริการใหม่ๆ เข้าไป เช่น การส่งพนักงานสำรวจภัยออกให้บริการ และการรับประกันเวลาถึงที่เกิดเหตุ โดยเป็นรายแรกที่ให้บริการดังกล่าว

สำหรับปีที่ 2 นี้ คาดว่าจะมีเบี้ยรับ ประกันภัย รวม 150 ล้านบาท มีสัดส่วนเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ และ ประกันภัย อื่นๆ สัดส่วน 50% เท่ากัน แต่ยังไม่มีกำไร เพราะธุรกิจ ประกันภัย จะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ปี แต่ผลจากการเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ ต่ำอยู่ที่ 40% และความเสี่ยงด้าน ประกันภัย อื่นๆ ยังต่ำ คาดว่าจะสามารถเริ่มเห็นกำไรในสิ้นปีที่ 3

“ปีที่ 3 คือปี 2560 เราตั้งเป้าเบี้ย ประกันภัย รับรวม 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เพราะตลาดเริ่มรู้จักเรามากขึ้น และ รถยนต์ ที่ยังไม่มี ประกันภัย ยังมีอีกเยอะ เป็นตลาดรายย่อยของคนท้องถิ่น โดยเราได้ออกโปรโมชั่นซื้อ ประกันภัย ในลาว ซ่อมที่ไทย ได้รับความนิยมมาก คิดว่าน่าจะทำให้เบี้ยเราวิ่งได้เร็วขึ้น”

ในการขยายฐานลูกค้า ประกันภัยรถยนต์ จะติดต่อบริษัทขาย รถยนต์ ที่ลาว และบริษัทไฟแนนซ์จากไทย ที่เข้าไปทำธุรกิจในลาว เพื่อเสนอการ ประกันภัยรถยนต์ ให้กับลูกค้าสินเชื่อ รถยนต์

นอกจากนี้ บริษัททิพยประกันภัย กลุ่มพันธมิตรเดิม ยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ประกันภัย เข้าไปในกลุ่มซีแอลเอ็มวี ที่ยังไม่ได้เข้าไป จะมีกัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันได้มีการเข้าไปดูตลาดที่กัมพูชาแล้ว คาดว่าน่าจะสรุปผลได้ในเร็วๆ นี้

ที่มา : โพสต์ทูเดย์