คนเราทุกวันนี้ ล้วนต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไม่อาจจะคาดคะเนได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์จากภัยธรรมชาติ อุบัติภัย โรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบถึงเราได้ตลอดเวลา

ปัจจุบันความเจริญก้าวทางด้านวัตถุมีมากขึ้นเป็นลำดับ มีการประดิษฐ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมายหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กทรอนิกส์ สถาปัตยกรรมทันสมัย การก่อสร้างที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ส่งผลให้เกิดภยันตรายและความเสียหายเพิ่มมากขึ้น การดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบันรวมถึงในอนาคตจึงมีความเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

เราทุกคนจึงควรตระหนักว่า ชีวิตของเรายืนอยู่บนความเสี่ยง หากไม่มีการป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากความเสียงนั้น โดยที่เราเป็นผู้สูญเสียทางการเงิน การ ประกันภัย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง เพื่อช่วยบรรเทาความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้นได้

การประกันภัย เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอา ประกันภัย ว่า หากทรัพย์สินที่นำมาทำ ประกันภัย ไว้ได้รับความเสียหายจากภัยที่เอา ประกันภัย ไว้ ก็จะได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งผู้เอา ประกันภัย สามารถนำเงินที่ได้รับจากบริษัท ประกันภัย ไปสร้าง ซื้อ หรือจัดหาทรัพย์สินนั้นใหม่ เพื่ออยู่อาศัย หรือดำเนินกิจการต่อไปได้ ถ้าปราศจากการ ประกันภัย แล้ว ผู้ใดที่เคราะห์ร้ายก็จะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ทุนรอนที่สะสมมาตลอดชีวิต ก็อาจสูญเสียไปภายในเวลาอันสั้น

การประกันภัย ช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่สังคม ทำให้สังคมมีหลักประกันความปลอดภัย มีความมั่นใจว่าเมื่อใดเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ก็จะได้รับการชดใช้ เช่น เพลิงไหม้โรงงานอุตสาหกรรม ทำให้กิจการต้องหยุดชะงัก ซึ่งถ้าไม่มีการ ประกันภัย แล้ว กิจการนั้นคงอยู่ชะงักตลอดไป แต่ถ้ามีการ ประกันภัย ไว้พอเพียง เจ้าของกิจการนั้นก็จะได้รับการชดใช้ เพื่อซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว และถ้าหากมีการซื้อ ประกันภัย ประเภทความเสียหายอันเป็นผลสืบเนื่อง (Consequential Loss) ด้วยแล้ว ก็จะได้รับการชดใช้การสูญเสียรายได้ในช่วงที่ต้องหยุดซ่อมโรงงาน จึงทำให้เสมือนหนึ่งว่า อัคคีภัย ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้เจ้าของกิจการนั้นได้รับความเสียหายทางการเงินแต่อย่างใด สมกับคำที่ว่า “วินาศภัยบรรเทาได้ด้วย ประกันภัย “

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์