น้ำท่วมพื้นที่ชาวนาขยายวงกว้างกว่า 1 แสนไร่ รัฐเตรียมตรวจสอบรายละเอียด ก่อนส่งข้อมูลความเสียหายเพื่อจ่ายค่าสินไหม ประกันภัย ข้าวนาปีที่เคยซื้อกรมธรรม์ไว้ 27 ล้านไร่ เผยรอผู้ว่าฯ ประกาศเขตภัยพิบัติก่อน ขณะที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยพัฒนาแอพพลิเคชั่น “มะลิ” ตรวจสอบสถานะการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางส่งผลกระทบต่อข้าวนาปีในหลายพื้นที่ ซึ่งในพื้นที่ที่เกษตรกรได้ซื้อกรมธรรม์ ประกันภัย ข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ในอัตราเบี้ย ประกันภัย 100 บาทต่อไร่ โดยรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ย ประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เกษตรกรชำระเบี้ย ประกันภัย 40 บาทต่อไร่ แต่ถ้าเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทาง ธ.ก.ส.จะเป็นผู้ออกเงินในส่วนนี้ให้เอง และเมื่อได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม ซึ่งได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ที่อยู่ในความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และศัตรูพืชหรือโรคระบาด โดยจะได้รับจำนวนเงินความคุ้มครองสำหรับ 6 ภัยแรก จำนวน 1,111 บาทต่อไร่ ส่วนศัตรูพืชหรือโรคระบาด จะได้รับความคุ้มครอง จำนวน 555 บาทต่อไร่

ขณะนี้ เบื้องต้นพื้นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ที่ได้ซื้อกรมธรรม์ ประกันภัย ข้าวนาปีไว้มีจำนวนแสนกว่าไร่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝนยังตกหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งจะต้องรอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

“ตอนนี้น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เราได้ทำ ประกันภัย ข้าวนาปีไว้ที่ 27 ล้านไร่ ซึ่งตอนนี้ภาครัฐได้ประกาศความเสียหายไปแล้วจำนวนแสนไร่ ตามขั้นตอนจะต้องรอผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเป็นเขตภัยพิบัติก่อน จากนั้นจะมีคณะกรรมการฯ พิจารณาจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็จะเอาข้อมูลดังกล่าวมาตรวจสอบกับกรมธรรม์ ประกันภัย ข้าวนาปี เมื่อถูกต้องตรงกันก็จะจ่ายสินไหมได้เลย ใช้เวลาไม่นานอย่างแน่นอน”

ล่าสุด สมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมจ่ายค่าสินไหมทดแทน แก่ชาวนาที่ทำ ประกันภัย ข้าวนาปี ที่อยู่ในเขตพื้นที่การประกาศภัยพิบัติของรัฐ ที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมและภัยธรรมชาติอื่นๆ โดยใช้ระบบออนไลน์เคลม แอพพลิเคชั่น “มะลิ” ช่วยให้เกษตรกร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจสอบสถานะการ ประกันภัย และสถานะการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ง่ายและรวดเร็ว ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ที่ rice.tgia.org ตลอด 24 ชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 เห็นชอบในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 โดยมีพื้นที่เป้าหมายในการเอา ประกันภัย จำนวน 30 ล้านไร่ทั่วประเทศนั้น ในส่วนความรับผิดชอบของสำนักงาน คปภ. และในฐานะที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการปฏิรูปการ ประกันภัย พืชผล ซึ่งมีอดีต อธิบดีกรมการประกันภัยเป็นประธานคณะทำงานฯ ได้มีข้อเสนอไปยังสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งต่อมาได้เสนอต่อรัฐบาลให้ประกาศการ ประกันภัย พืชผลเป็น “วาระแห่งชาติ” รวมทั้งเสนอให้มีการจัดทำกฎหมายโดยเฉพาะ เพื่อวางกรอบกติกาเกี่ยวกับการ ประกันภัย พืชผลอย่างเป็นระบบ พร้อมเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบาย ประกันภัย พืชผลระดับชาติ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการ ประกันภัย พืชผลทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคแล้ว

ทั้งนี้ โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ.กับหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทำให้ยอดการ ประกันภัย ข้าวนาปี วันที่ 31 สิงหาคม 2559 ปรากฏว่า มีเกษตรกรทำ ประกันภัย ข้าวนาปี รวมทั้งสิ้น 1,508,146 ราย มีพื้นที่เอา ประกันภัย จำนวน 26.09 ล้านไร่ รวมค่าเบี้ย ประกันภัย กว่า 2,609 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่ที่มีการทำ ประกันภัย ข้าวนาปีสูงสุด ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีการทำ ประกันภัย ข้าวนาปีสูงสุด ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ จังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมีความเชื่อมั่นในระบบ ประกันภัย มีการทำ ประกันภัย ข้าวนาปีเกินกว่าพื้นที่เป้าหมายที่กำหนด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี สระแก้ว และนครปฐม

ส่วนบริษัทที่เข้าร่วมโครงการ ประกันภัย ข้าวนาปีครั้งนี้มีจำนวน 16 บริษัท คือ กรุงเทพประกันภัย, กรุงไทยประกันภัย, เจ้าพระยาประกันภัย, ทิพยประกันภัย, เทเวศประกันภัย, ไทยศรีประกันภัย, ไทยเศรษฐกิจประกันภัย, ประกันภัยไทยวิวัฒน์, นวกิจประกันภัย, นำสินประกันภัย, ฟอลคอนประกันภัย, มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์, เมืองไทยประกันภัย, วิริยะประกันภัย, แอกซ่าประกันภัย และอาคเนย์ประกันภัย

ที่มา : สยามธุรกิจ