คปภ.ดันอินชัวรันซ์บูโรนำร่อง "รวมฐานข้อมูล" ธุรกิจ ประกันภัย คาดเริ่มบริการต้นปี 60 พร้อมเดินหน้าตั้งทีมงานจัดระเบียบฐานข้อมูล "ประกันชีวิต" ฟาก ส.ประกันวินาศภัย เปิดแผนรวม 2 หน่วยงานข้อมูล "IPRB-TID" จัดตั้ง "สถาบันวิจัยและพัฒนา" เป็นองค์กรอิสระ หวังเพิ่มประสิทธิภาพ

รองเลขาธิการ สายตรวจสอบ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า ในการจัดทำฐานข้อมูลธุรกิจ ประกันภัย หรืออินชัวรันซ์บูโร (Insurance Bureau) ว่า ทาง คปภ.ได้ทดสอบฐานข้อมูล ประกันภัย (Industry Wide Test) รอบสุดท้ายกับทาง บริษัทประกันวินาศภัย และได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนมาปรับปรุงแล้ว จึงคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ประมาณเดือน ม.ค. 2560

"อินชัวรันซ์บูโร จะเป็นฐานข้อมูลทั้งหมดของธุรกิจ ประกันภัย ทั้ง ประกันภัยรถยนต์ สุขภาพ ฯลฯ ตอนนี้เรารอคำสั่งนายทะเบียน ที่ให้บริษัทประกันวินาศภัยเริ่มการส่งชุดข้อมูลรายละเอียดใน ประกันภัย ทุกประเภทมาให้ คปภ. ทาง คปภ.จะมีฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล และจะส่งข้อมูลที่เปิดเผยได้ ให้แก่บริษัทต่างๆ เช่น ค่าเฉลี่ยต่างๆ ในอุตสาหกรรม ส่วนอินชัวรันซ์บูโรของธุรกิจประกันชีวิต ทาง คปภ.อยู่ระหว่างจัดทีมขึ้นมาคุยโปรเจ็กต์ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ น่าจะเสร็จในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. 2559"

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ภายในปีนี้ ทางสมาคมเตรียมจะรวม 2 หน่วยงานด้านฐานข้อมูล ได้แก่ บริษัท ไทยอินชัวเรอส์ดาต้าเนท จำกัด (TID) ซึ่งมีพนักงานอยู่ 20 คน และสำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) ที่มีพนักงาน 10 คนเข้าด้วยกัน และจัดตั้งเป็น "สถาบันเพื่อการวิจัยและพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัย" ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการในต้นปี 2560

"ปัจจุบัน TID เป็นฝ่ายรวบรวมส่งข้อมูลดิบของ ประกันวินาศภัย จากทุกบริษัทให้ คปภ.เพื่อการกำกับและตรวจสอบ ซึ่งแต่ละบริษัท ประกันภัย ก็จะจ่ายมีค่ารวบรวมข้อมูลให้ TID อยู่แล้ว ส่วน IPRB จะเป็นฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญๆ เช่น ต้นทุนของธุรกิจ อัตราค่าเสียหาย ค่าใช้จ่าย เบี้ย ประกันภัย เหมาะสมไหม โดยจะเป็นฐานข้อมูลภาพรวมให้แก่บริษัท ประกันภัย เมื่อรวม 2 หน่วยงานนี้ ก็จะทำให้เป็นสถาบันที่อิสระ มีความเป็นกลาง และสามารถเชิญคนจาก คปภ. และบุคคลภายนอก มาช่วยดูเรื่องข้อมูลได้"

สำหรับการรวม 2 หน่วยงานในระยะแรกนั้น เนื่องจากปัจจุบัน IPRB เป็นส่วนหนึ่งของสมาคมประกันวินาศภัยไทย ดังนั้นจะเป็นฝ่ายเข้าไปรวมอยู่ใน TID เพราะ TID มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทไว้แล้ว หลังจากรวมหน่วยงานเรียบร้อย จึงเปลี่ยนชื่อตามข้างต้น

ทั้งนี้ บทบาทของ IPRB ในปัจจุบัน จะเป็นหน่วยงานที่วิเคราะห์ เฉพาะเรื่อง ประกันภัยรถยนต์ หากมีการรวมหน่วยงานให้เป็นสถาบันเพื่อการวิจัยฯ แล้ว จะมีบทบาทหน้าที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกันภัย หลายประเภทมากขึ้น แต่ยังเป็นการทำฐานข้อมูลในภาพรวม และเปิดให้บริษัท ประกันภัย ใช้ข้อมูลได้ ในอนาคต หากบริษัท ประกันวินาศภัย ที่ไม่มีทีมงานวิจัย หรือวิเคราะห์ ก็สามารถมาใช้บริการได้ เช่น จ้างสถาบันทำข้อมูลเชิงลึก เจาะเฉพาะบริษัท เพื่อไปพัฒนาต้นทุนของบริษัทให้ดีขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับบริษัท ประกันภัย ขนาดเล็ก ให้มีต้นทุนน้อยลงด้วย

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ