บริษัท มาสด้า เซลล์ (ประเทศไทย) จับมือ มาสด้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการจัดกิจกรรม “MAZDA SKYACTIV ASEAN CARAVAN” เพื่อพิสูจน์สมรรถนะ รถมาสด้า กับเทคโนโลยีสกายแอ็กทีฟทุกรุ่น ประกอบด้วย มาสด้า 2, มาสด้า 3, มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 3 และ มาสด้า ซี-เอ็กซ์ 5 รวม 12 คัน พร้อมรถทีมงาน มาสด้า บีที-50 โปร อีก 4 คัน บนเส้นทางสายอารยธรรมอาเซียน ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา รวมระยะทางสุดท้าทายกว่า 4,000 กิโลเมตร รวมเป็นเวลา 9 วัน ประธานบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ร่วมเดินทางตลอดเส้นทาง

โดยมีสื่อมวลชนร่วมเดินทาง เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้กว่า 140 คน จาก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ แบ่งการทดสอบออกเป็น 3 กลุ่ม เริ่มตั้งแต่กลุ่มแรก มีพิธีการปล่อย ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มุ้งหน้าสู่จังหวัดนครพนม-ผ่านแขวงคำม่วน ของประเทศลาว เข้าสู่เมืองวินท์ และฮานอย ประเทศเวียดนาม จากนั้นกลุ่มที่ 2 ขับต่อจากเมืองฮานอย-ฮอยอัน-นาตรัง-โฮจิมินห์ ซิตี้ จากนั้น กลุ่มที่ 3 ขับผ่าน บาเว็ท-ม็อคแบ็ค เข้าสู่ประเทศกัมพูชา ผ่านกรุงพนมเปญ สีหนุวิลล์ และเกาะกง กลับสู่ประเทศไทย ทางจังหวัดตราด และเข้าสู่กรุงเทพฯ

สำหรับ รถยนต์ มาสด้าทั้ง 4 รุ่นใหม่ ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอ็กทีฟ ที่ผู้บริหารบอกว่ามีขายครบทุกประเทศในอาเซียน ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง ครองใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคแห่งนี้ จุดเด่นคือ รูปลักษณ์ภายนอกที่สะดุดตา โดดเด่นทุกมุม จากการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์

ผลจากการทดสอบ สภาพถนนในบางช่วงที่ต้องฝ่าความหนาแน่นของการจราจรในเมือง โฮจิมินห์ ซิตี้ ที่ถนนหนทางเต็มไปด้วยอุปสรรค ฝ่าด่าน รถจักรยานยนต์ จำนวนมาก เหมือนผึ้งออกจากรัง และขับเลนขวา ที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ มีลุ้นทุกสี่แยก แต่ด้วยสมรรถนะของเทคโนโลยีสกายแอ็กทีฟ ทั้งอัตราการเร่งแซงทำได้ดี ส่วนเบรกด้วยระบบ ABS ทั้ง 4 ล้อ ทำให้เกิดความมั่นใจ ในขณะที่คนเวียดนามก็ขับรถไม่เร็วนัก

ในส่วนของดินแดนกัมพูชา ถนนในกัมพูชาเป็น 2 เลนสวน ลาดยาวค่อนข้างดี แต่ต้องขับด้วยความระมัดระวัง เพราะมีรถบรรทุกเป็นระยะๆ แถมขับอยู่เลนกลางไม่ยอมหลบให้ รวมทั้งรถอีแต๋น และ รถจักรยานยนต์ ขณะที่สองข้างทางยังเป็นทุ่งหญ้า ทุ่งนา สลับกับบ้านเรือน และมีโรงงานที่เห็นบ้างเป็นระยะ

จากการทดสอบในครั้งนี้ ที่จบลงด้วยความสมบูรณ์แบบ พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่า รถยนต์ มาสด้าทั้ง 4 รุ่นที่นำไปทดสอบครั้งนี้ สอบผ่านกับทุกสภาพถนน สามารถใช้ได้ดีกับประเทศกำลังพัฒนา เปิดทางสู่ความสำเร็จของ รถยนต์ มาสด้า ในการเปิดเส้นทางอาเซียน และเพื่อต่อยอดปักธงตลาดเวียดนาม ลาว และกัมพูชา หลังประสบความสำเร็จในประเทศไทยแล้ว ตามที่ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มประเทศอาเซียน คือ ภูมิภาคที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของ มาสด้า เนื่องจากประกอบด้วยประเทศที่กำลังเติบโต มีศักยภาพสูง และเป็นที่จับตามองอย่างยิ่งในเวทีโลก ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 600 ล้านคน

ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการใช้ รถยนต์ รุ่นใหม่ ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอ็กทีฟ และการออกแบบ โคโดะ ดีไซน์ เป็นหัวหอกสร้างความแข็งแกร่งให้กับ มาสด้า ในภูมิภาคแห่งนี้ ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ปูทางสู่เป้าหมายการจำหน่ายภายในปี 2020 หรือในอีก 4 ปีข้างหน้า ประมาณ 150,000 คัน

ที่มา : สยามธุรกิจ