กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (บริษัทกลางฯ) เปิดเผยว่า เดือน พ.ค. 2559 ค่าสินไหมทดแทน ประกันภัยรถยนต์ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จะเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิมอัตราค่าสินไหมทดแทน หรือ Loss Ratio รวมอยู่ที่ 94% ขึ้นมาเป็น 104% หมายความว่า รับเบี้ยมา 100 บาท ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนออกไป 104% ทำให้บริษัทประสบผลขาดทุน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ค่าสินไหมเพิ่มขึ้นมาจาก การปรับความคุ้มครองกรณีบาดเจ็บ จะได้รับค่ารักษาพยาบาล 5 หมื่นบาท/คน เป็น 8 หมื่นบาท/คน ค่าสินไหมทดแทน กรณีเสียชีวิต/ทุพพลภาพถาวร จากเดิม 2 แสนบาท/คน เพิ่มเป็น 3 แสนบาท/คน และกรณีสูญเสียอวัยวะจากเดิม 2 แสนบาท เป็น 2-3 แสนบาท เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2559 ที่ผ่านมา รวมถึงมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายครั้ง
สินไหมที่เพิ่มขึ้นน่าเป็นห่วงมาก แต่ไม่ได้ห่วงว่าจะทำให้บริษัทขาดทุน เพราะบริษัทกลางฯ ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อหวังกำไร เนื่องจากได้รับเงินสมทบจากบริษัท ประกันภัย ที่ขาย ประกันภัยรถยนต์ พ.ร.บ. ในอัตรา 12.25% หากขาดทุนบริษัท ประกันภัย ก็จะจ่ายสมทบเพิ่ม แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ความสูญเสียของสังคมไทย จากพฤติกรรมการขับ รถยนต์ เร็วเกินไป ฝ่ากฎจราจร เมาแล้วขับ ที่ยังสูง
สำหรับแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุทาง รถยนต์ สูงขึ้นมาก และความรุนแรงก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม โดยนักคณิตศาสตร์ ประกันภัย คาดว่า ค่าสินไหมทดแทน พ.ร.บ. ทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในส่วนของบริษัทกลางฯ พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งบริษัทกลางฯ ได้รับมอบหมายจากบริษัท ประกันภัย ให้ทำการรณรงค์ลดอุบัติเหตุร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ด้วยการแก้ไขจุดเสี่ยงทางถนนทั่วประเทศ ให้ความรู้แก่ประชาชนในการบริหารความเสี่ยงจากการขับขี่ และใช้ถนนอย่างปลอดภัย ล่าสุดได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 รับรองหน่วยงานต้นแบบด้านการสวมหมวกนิรภัย 100% ให้กับหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด 9 จังหวัด 120 หน่วยงาน และหน่วยงานต้นแบบที่มีการรักษามาตรฐาน และขับเคลื่อนต่อเนื่องอีก 19 หน่วยงาน
ที่มา : โพสต์ทูเดย์