ประกันวินาศภัย ฟันธง ครึ่งปีหลังมีโอกาสเติบโตถึง 3% ชี้มาตรการอัดฉีดช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.5 หมื่นล้าน ดันชาวนามีกำลังจับจ่ายใช้สอย ทำให้ตัวเลขติดลบในช่วงไตรมาสแรก กลับมามีแนวโน้มสดใส จับตาชิงเค้ก ประกันภัย นาข้าว 30 ล้านไร่

กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/2560 วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในปีการผลิตที่ผ่านมาให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งมาตรการนี้จะส่งผลให้ธุรกิจประกันวินาศภัยในช่วงครึ่งปีหลังเติบโต

มาตรการในการช่วยเหลือชาวนาแบ่งเป็น 4 ข้อ ได้แก่
1. มาตรการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ วงเงิน 3.7 หมื่นล้านบาท
2. มาตรการพักชำระหนี้ให้กับชาวนา ที่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้งบประมานในการชดเชยดอกเบี้ยปีละ 2,700 ล้านบาท รวมวงเงินเป็นในการชดเชยดอกเบี้ย 5,700 ล้านบาท
3. มาตรการในการอบรมและพัฒนาชาวนาทั่วประเทศ 300,000 ราย วงเงิน 258 ล้านบาท
4. มาตรการ ประกันภัย นาข้าว วงเงินรวม 3,271.13 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินที่รัฐบาลสนับสนุน จำนวน 2 พันล้านบาท และวงเงินสนับสนุนของ ธ.ก.ส. จำนวน 1.2 พันล้านบาท

โดยถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจัดให้มีการ ประกันภัย นาข้าว สำหรับชาวนา ที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ปลูกข้าว 1.5 ล้านไร่ โดยกำหนดอัตราการ ประกันภัย ในอัตราราคาเบี้ย ประกันภัย 100 บาททั่วประเทศ คุ้มครองภัยธรรมชาติ 7 ประเภท หากเกษตรกรได้รับผลกระทบ จะได้รับเงินชดเชยในอัตรา 1,111 บาทต่อไร่

นายกสมาคมประกันวินาศภัยเปิดเผยว่า นโยบายของภาครัฐที่พักหนี้เกษตรกร และช่วยเหลือการเพาะปลูก จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถือเป็นมาตรการในการกระตุ้นการบริโภค ที่จะส่งให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโตตามไปด้วย

ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าธุรกิจประกันวินาศภัยจะเติบโต 2.2-2.5% เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกที่ติดลบอยู่ 0.45% ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจประกันวินาศภัยมีการขยายตัว มาจากการลงทุนภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น บวกกับนโยบาย ประกันภัย ข้าวนาปีปี 30 ล้านไร่ รวมถึงยอดการขาย รถยนต์ ที่เพิ่มขึ้นหลังจากยอดขายนิ่งมาตลอดตั้งแต่ปลายปี 2558 เนื่องจากประชาชนมีการทำสั่งซื้อ ไปก่อนที่ภาษีสรรพสามิตจะมีผลบังคับใช้

ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังคือ ยอดการส่งออกจะฟื้นตัวกลับมาหรือไม่ ซึ่งเท่าที่ดูแนวโน้มแล้วไม่ค่อยดีเลย จึงหวังพึ่งการบริโภคภายใน และรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตไปได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจประกันวินาศภัยตามไปด้วย

สำหรับไตรมาสแรกปีนี้ ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยมีเบี้ย ประกันภัย รับรวม 5.32 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้น 3.13 หมื่นล้านบาท หรือ 4.42% เบี้ยประกันอัคคีภัยมียอดรวม 2,572 ล้านบาท ลดลง 8.62% ผลจากการแข่งขันด้านราคา เบี้ย ประกันภัย ทางทะเลรวม 1,404 ล้านบาท ลดลงมากที่สุด 24.66% เพราะการส่งออกเติบโต ใช้บริการขนส่งทางบก ไปในกลุ่มประเทศอาเซียน เบี้ย ประกันภัย เบ็ดเตล็ดรวม 1.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.10% มีเบี้ย ประกันภัย อุบัติเหตุส่วนบุคคล จำนวน 6,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8%

ที่มา : สยามธุรกิจ