ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

ข่าวประกันภัยทั่วไป

ระดับน้ำขนาดไหนที่เป็นอันตรายกับ รถยนต์

ระดับน้ำท่วมขนาดไหน ต้องช่างใจเวลาพบเหตุการณ์ ประเมินระดับ น้ำท่วม รู้จัก รถยนต์ ว่าระดับไหนที่ปลอดภัย

ระดับน้ำขนาดไหนที่เป็นอันตรายกับ รถยนต์

มิถุนายน
29

ระดับน้ำท่วมขนาดไหน ผู้ขับขี่ต้องช่างใจเวลาพบเหตุการณ์ ทำให้หลายตื่นตกใจเกี่ยวกับเรื่องราวของน้ำท่วม ที่วันนี้กำลังจะเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ

การขับรถลุยน้ำท่วมมีหลายคนดับกลางทาง เมื่อมองถึงการขับรถลุยน้ำท่วม เราอยากจะแนะนำให้รู้จักการประเมินระดับน้ำ ที่ถือว่ามีส่วนสำคัญที่สุดในการขับ รถยนต์ ลุยน้ำท่วม

การประเมินระดับน้ำท่วมนั้น นับว่ามีส่วนสำคัญมาก อาจจะเป็นเพียงทางเลือกระหว่างไปหรือไม่ในเส้นทางดังกล่าว ซึ่งการสังเกตระดับน้ำนั้น ให้ใช้จุดอ้างอิงต่างๆ ที่เราสามารถสังเกตได้ เช่น รถยนต์ ที่สวนทางมา เสาไฟฟ้า ต้นไม้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถือว่าเป็นตัวชี้วัดได้อย่างดี และคุณควรตัดสินใจให้ดีก่อนทำการลงน้ำ

1. ระดับน้ำ 5-10 เซนติเมตร ระดับน้ำนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น และไม่สามารถส่งผลต่อการเดินทางของ รถยนต์ และระดับน้ำระดับนี้มักเจอเป็นประจำ เมื่อพบน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งระดับนี้เป็นระดับที่ปลอดภัย สามารถผ่านได้ ทั้งรถเก๋งและรถกระบะไร้ปัญหา

2. ระดับน้ำ 10 – 20 เซนติเมตร ในกรณีเราเจอน้ำท่วมขังในพื้นที่มาก ในระดับน้ำประมาณครึ่งฟุตนี้ ถือว่ายังไม่สามารถทำอะไร รถยนต์ ได้ ยังสามารถผ่านไปได้ตามปกติ ทั้งรถเก๋งและรถกระบะ โดยในส่วนของรถเก๋งอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย เพราะคุณอาจจะได้ยินเสียงน้ำนั้น กระเพื่อมอยู่ที่ใต้ท้องรถบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสามารถเดินเครื่องไปต่อได้เรื่อยๆ และในกรณีขับรถสวนกันก็อาจจะมีคลื่นที่สูงบ้าง แต่ไม่มากมายนัก ตรงนี้ยังปลอดภัย

3. ระดับน้ำ 20 -40 เซนติเมตร ตรงนี้รถเก๋งอาจจะเริ่มมีปัญหา คือระดับขอบประตูรถเก๋งเกือบแทบทุกรุ่นในปัจจุบัน ที่มีระยะสูงจากพื้น 150-170 ม.ม.เท่านั้น ระดับที่ท่วม 3 ใน 4 ของล้อรถนั้น ส่งผลให้ท่อไอเสียนั้นจะจมนั้นอยู่เกือบตลอดเวลา แต่ก็ยังพอไปได้ถ้าทางนั้นไม่ยาวมากนัก แต่ถือว่าเริ่มเสี่ยงมาก อาจจะมีได้พรมแฉะกันบ้าง โดยเฉพาะ รถยนต์ กลุ่มซิตี้คาร์ ส่วนรถกระบะทั่วไปสามารถผ่านได้ ยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ ยังสบายใจได้อยู่

4. ระดับน้ำ 40 -60 เซนติเมตร ระดับนั้นประมาณ 2 ฟุตนั้น ถือเป็นอันตรายสำหรับรถเก๋งทุกรุ่น ทุกประเภท ไม่สมควรผ่านอย่างยิ่ง หาทางเลี่ยงนับว่าจะเป็นวิธีการที่ดีสุด ในระดับเดียวกันนี้ รถกระบะ ทั่วไปนั้น ก็เริ่มมีลุ้นพอสมควร แต่ถ้าเดินเครื่องไปเรื่อยๆ ยังสามารถไปได้ เพียงแค่ต้องระวังเรื่องของคลื่นน้ำ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างฉับพลัน และอาจจะเข้าเครื่องได้ ระดับน้ำขนาดนี้ต้องปิดระบบปรับอากาศขับเท่านั้น ส่วน รถกระบะ ยกสูงทั่วไปนั้นสามารถผ่านได้ ไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องระวังเรื่องคลื่นเช่นกัน

5. ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร ระดับน้ำขนาดนี้เป็นเรื่องอันตรายกับ รถยนต์ ทุกประเภท ไม่เว้นกระทั่งรถใหญ่ทั้งหลาย เพราะน้ำนั้นอาจจะมีสิทธิไหลเข้ากรองอากาศได้ง่ายกว่า ยิ่งเจอคลื่นนั้นอาจจะสูงถึงระดับ 1 เมตร ที่สามารถทำให้เครื่องยนต์หยุดชะงัก และสร้างความเสียหายต่อระบบต่างๆ ได้ การลุยน้ำท่วมระดับนี้ต้องใช้ความชำนาญการเป็นพิเศษพอตัว ที่สำคัญพยายามอย่าปะทะคลื่นโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องดับกลางอากาศ และอย่าใช้ความเร็วสูงนัก

6. ระดับน้ำสูงเกินกว่า 80 เซนติเมตร ระดับน้ำที่มากที่สุดที่ รถยนต์ เดิมๆ จากโรงงานจะสามารถผ่านได้ และก็ไม่ใช่ทุกรุ่นเสียด้วย ตามปกติระดับน้ำ 80 ซ.ม.นั้นหมายถึง น้ำขึ้นถึงฝากระโปรง ท่วมไฟหน้ามิด สิ่งสำคัญคือ ปิดระบบไฟต่างๆ เพื่อป้องกันการลัดวงจร เดินเครื่องอย่างต่อเนื่องอย่าหยุด แต่ถ้าอยากให้ปลอดภัย น้ำระดับนี้ควรมากับรถลุย ที่มีการปรับแต่งยกสูงจากปกติประมาณ 2-4 นิ้ว จะมั่นใจกว่า

ทั้งนี้อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่า การประเมินระดับน้ำนั้นต้องอาศัยสิ่งที่ ช่วยอ้างอิง และที่สำคัญต้องรู้จัก รถยนต์ เราอย่างดี ว่าระดับไหนที่ปลอดภัย อย่าฝืน มิฉะนั้น อาจจะตายกลางทางได้

ที่มา : MThai