ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจ ประกันภัย ยังคงประสบปัญหาถูกลูกค้าผู้เอา ประกันภัย หรือผู้รับผลประโยชน์ ใช้วิธีเคลมสินไหมที่ไม่สุจริตหรือเข้าข่ายฉ้อโกง สร้างความเสียหายปีละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 10% ของค่าสินไหมรวมที่ธุรกิจ ประกันภัย ต้องจ่ายปีละ 1 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับเบี้ยรับรวมทั้งหมดที่ขายได้ปีละ 2 แสนล้านบาท

ทางสมาคมฯ พบว่า ลูกค้าทำการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในกรณีการ ประกันภัย อุบัติเหตุและการ ประกันภัย สุขภาพในหลายๆ กรณี มีเหตุชวนสงสัย เนื่องจากว่ามีการเอา ประกันภัย ไว้ในหลายบริษัท และมีจำนวนเงินเอา ประกันภัย ค่อนข้างสูงหลายสิบล้านบาท มีทั้งทำ ประกันภัย ไว้กับบริษัทประกันชีวิต และบริษัทประกันวินาศภัย

ทั้งนี้ บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย ได้ร่วมกันตรวจสอบเรื่องดังกล่าว รวมทั้งมอบหมายให้ผู้แทนทำการตรวจสอบ และสืบค้นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก็พบว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพกระทำการอันน่าจะเข้าข่ายทุจริต โดยมีทั้งกระทำการเดี่ยว และดำเนินการเป็นขบวนการ เช่น เจตนาทำให้เกิดอุบัติเหตุเพื่อหวังเงิน ประกันภัย กว่า 70 ล้านบาท มีการทุจริตเบิกค่ารักษาพยาบาลซ้ำๆ จากหลายๆ บริษัท มีเจตนาทำร้ายร่างกายเพื่อหวังเงินชดเชย หรือการจัดทำค่ารักษาพยาบาลและใบเสร็จซ้ำซ้อน ซึ่งบริษัท ประกันภัย ก็จะรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

“ปัญหาเรื่องการโกงสินไหมนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วโลก อย่างเช่น สหรัฐ สิงคโปร์ ก็มีการโกงกัน และเฉลี่ยตัวเลขความเสียหายอยู่ที่ปีละ 10% เช่นกัน ซึ่งตอนนี้สมาคมฯ และคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อยู่ระหว่างจัดทำอินชัวรันส์ บูโร เพื่อใช้ตรวจสอบข้อมูลของลูกค้า เหมือนกับเครดิตบูโร ที่ธนาคารพาณิชย์ใช้ในขณะนี้ คาดว่าจะช่วยลดปัญหานี้ลงไปได้ส่วนหนึ่ง”

ที่มา : โพสต์ทูเดย์