ผลักดันกันมาเกือบปีแต่ยังไม่สามารถทำคลอดออกมาได้ สำหรับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ( ประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับ) โฉมใหม่ ที่มีการปรับปรุงหลายๆ เรื่องโดยล่าสุดทาง คปภ.นำทีมเข้าหารือกับนายกสมาคมประกันวินาศภัย ถึงแนวทางการดำเนินการ ประกันภัย พ.ร.บ. หลังจากที่ประชุมบอร์ด คปภ.เมื่อเดือน ก.พ. 2558 เห็นชอบหลักการในเรื่องแก้ไขทั้งการรวมกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับและสมัครใจไว้ในฉบับเดียวกัน
การปรับเพิ่มเบี้ย ประกันภัย รถจักรยานยนต์ คันละ 100 บาท การเพิ่มวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จาก 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวร จาก 200,000 บาท เป็น 500,000 บาท ค่าชดเชยรายวันคงอัตราเดิม 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน รวมถึงการขอปรับลดเงินสมทบที่บริษัท ประกันภัย ที่ขาย ประกันภัย พ.ร.บ.ต้องนำส่งบริษัท กลางฯ จาก 12.25% เหลือ 2.25% ทั้งนี้เพื่อให้ ประกันภัย พ.ร.บ.โฉมใหม่ออกมาเร็วที่สุด
ทางสมาคมฯ ยืนยันและยินดีจะทำตามข้อสรุปที่บอร์ด คปภ.อนุมัติไว้ข้างต้น แต่มีข้อเสนอเพิ่มเติม 2
ข้อข้อแรกในส่วนของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ซึ่งเดิมกฎหมายกำหนดให้จ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ประสบภัยจากรถ อาทิ ถูกรถไม่มี ประกันภัย ชน ชนแล้วหนี เป็นต้น เฉพาะค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น โดยขอให้กองทุนฯ สามารถจ่ายค่าเสียหายอื่นได้ด้วย ตามวงเงินคุ้มครองที่ ประกันภัย พ.ร.บ.กำหนด อาทิ กรณีเสียชีวิตที่จะเพิ่มเป็น 500,000 บาท เป็นต้น
ข้อ 2 ก่อนเริ่มใช้ ประกันภัย พ.ร.บ.ตามโครงสร้างใหม่ ขอให้ประกาศล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้บริษัท ประกันภัย ได้มีเวลาปรับเปลี่ยนระบบไอที และระบบงานต่างๆ เพราะครั้งนี้ถือเป็นการปรับปรุงประกันภัย พ.ร.บ.ครั้งใหญ่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหลายส่วน ทั้งตัวแทน นายหน้า ช่องทางจำหน่ายต่างๆ ต้องใช้เวลามากพอสมควร
การเพิ่มความคุ้มครองทำให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจ ประกันภัย มีค่าสินไหมทดแทนที่ต้องจ่ายให้กับผู้ประสบภัยจากรถ เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท การที่สมาคมฯ ขอลดเงินสมทบที่บริษัทต่างๆ นำส่งเข้าบริษัทกลางฯ ให้น้อยลง เพื่อลดภาระของบริษัท ประกันภัย จะได้นำเงินส่วนนี้มาชดเชยต้นทุนสินไหมที่เพิ่มขึ้นจากความคุ้มครองใหม่
บริษัท ประกันภัย ให้ข้อมูลถึงการแข่งขันในตลาด ประกันภัย พ.ร.บ.ในปัจจุบันว่าค่อนข้างรุนแรง บางบริษัทจ่ายคอมมิชชั่นมากเมื่อเทียบกับที่กฎหมายกำหนดให้จ่าย 12% แม้จะไม่หนักเท่ากับในอดีต แต่ก็น่าจะเป็นห่วง สาเหตุที่แข่งขันกันหนักเนื่องจากธุรกิจ ประกันภัย โดยรวมไม่ค่อยเติบโต ตลาด รถยนต์ ชะลอตัวลง ขณะที่ทุกบริษัทต้องพยามหาเบี้ย ประกันภัย ให้ได้ตามเป้าหมาย ซึ่ง ประกันภัย พ.ร.บ.ถือว่าขายง่ายที่สุด เนื่องจากกฎหมายบังคับ อีกทั้งอัตราสินไหมทดแทนและค่าเสียหาย (Loss Ratio) ไม่สูงมาก เฉลี่ยประมาณ 40% แต่บริษัท ประกันภัย ขอให้ได้เบี้ย ประกันภัย เข้ามาก่อน แล้วเอาไปหมุนลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเข้ามา แต่คาดว่าเมื่อเพิ่มความคุ้มครองการแข่งขันคงจะซาลง
ที่มา : สยามธุรกิจ