เคลม ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ต้องเกิดอุบัติเหตุชนกันอย่างเดียวใช่ไหม ?? ความจริงแล้ว ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองสูงที่สุด สามารถเคลมประกันรอบคัน และซ่อมรถหลังเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่ว่ารถคุณจะมีคู่กรณีหรือไม่มีก็ตาม เฉี่ยวชนกระถางต้นไม้ ชนประตู ชนรั้ว ชนเสา โดนชนแล้วหนี สามารถเรียก ประกันภัย ทันทีที่เกิดเหตุ เรียกว่า “เคลมสด” หรือดูแล้วร่องรอยไม่มาก รถยังต้องใช้งาน รอเคลมที่หลัง ที่เรียกว่า “เคลมแห้ง” ส่วน ประกันภัยรถยนต์ 2+ และ 3+ ต้อง "เคลมสด" เท่านั้น และต้องมีคู่กรณีที่เป็น รถที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

“เคลมสด”

เป็นการแจ้งเคลมทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ กรณีแบบนี้จะไม่เกิดปัญหา เพราะเราสามารถระบุความเสียหาย วันเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ และคู่กรณีได้อย่างถูกต้อง ข้อดีของการเคลมประเภท เคลมสด คือไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่าเอ็กเซส (Excess)

“เคลมแห้ง”

สำหรับกรณีการ เคลมแห้ง การซ่อมแซม ริ้วรอย แผลขีดข่วนเล็กน้อยที่เกิดขึ้น เคลมรอบคันเพื่อทำสีรถใหม่ทั้งคัน แต่จะเป็นการแจ้งเคลมทีเดียวภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงการถูกเฉี่ยวชนโดยไม่มีคู่กรณี (แจ้งการเกิดเหตุไม่ได้) ซึ่งมักจะมีกรณีที่เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่าง บริษัทประกันภัย ตัวแทน และลูกค้า

การเคลมแห้ง ควรระบุ วัน เวลา สถานที่เกิดอุบัติเหตุให้ชัดเจนด้วย เพื่อขอรับการพิจารณาพิเศษจาก บริษัทประกันภัย ควรแจ้งเหตุการณ์ให้ตรงกับบาดแผลที่เกิดขึ้น เพราะการแจ้งเคลมลักษณะนี้ จะเป็นการแจ้งเคลมจากหลายเหตุการณ์

สิ่งสำคัญในการเคลมแห้ง คือ เจ้าของรถจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก หรือค่าเอ็กเซส 1,000 บาท (ตามแต่ละเหตุการณ์ ของรายการที่ขอซ่อมแซม) เสมอ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจการประกันภัย (คปภ.) ประกาศบังคับใช้กฎหมายนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 ดังนั้น การเคลมแห้ง หรือเคลมรอบคัน จะต้องเสียค่าเอ็กเซสทุกครั้ง ตามการพิจารณาของ บริษัทประกันภัย

สรุปว่า เจ้าของรถต้องรู้ว่ารถเรามี ประกันภัยรถยนต์ ประเภทไหน การเรียก เคลม ต้องดำเนินการอย่างไรได้บ้าง การเรียก เคลม แบบไหมอาจมีค่าใช้จ่ายที่ เจ้าของรถ ต้องจ่าย และอาจสามารถขอให้ บริษัทประกันภัย พิจารณาพิเศษได้

ที่มา : ทูเดย์อินชัวร์