หากเกิดอุบัติเหตุทาง รถยนต์ ใดๆ จำเป็นต้องแจ้งบริษัท ประกันภัย ให้ทราบโดยไม่ชักช้า เพื่อเป็นการยุติข้อกล่าวหา “ผู้ขับขี่มีเจตนาไม่สุจริต”

คำถาม: ขับ รถยนต์ ไปเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับ รถยนต์ คนอื่น เสียหายไม่มากนัก แต่ไม่ได้แจ้ง ประกันภัย ทันที เพราะเป็นยามวิกาล ประกอบกับต้องรีบไปโรงพยาบาล เพราะเกิดภาวะความดันสูง ซึ่งต่อมาภายหลังทางบริษัท ประกันภัย ได้ปฏิเสธความคุ้มครอง อ้างว่าเมาสุรา เมื่อชนแล้วจึงต้องขับรถหนีไปก่อน จึงอยากรู้ว่า บริษัท ประกันภัย สามารถปฏิเสธความคุ้มครองได้หรือไม่ เพราะข้อเท็จจริง คนขับรถมิได้เมาสุรา

คำตอบ: ประเด็นนี้เป็นข้อพึงสังวรกันไว้ว่า ในเงื่อนไขกรมธรรม์ ประกันภัย ระบุว่า ถ้าเกิดอุบัติเหตุทาง รถยนต์ ใดๆ จำต้องแจ้งบริษัท ประกันภัย ให้ทราบโดยไม่ชักช้า

เหตุที่ต้องแจ้งบริษัท ประกันภัย ไว้ก่อน อย่างทันท่วงที เพราะจะเป็นการยุติข้อกล่าวหา “ผู้ขับขี่มีเจตนาไม่สุจริต” อย่างเช่นกรณีที่ถามมา บริษัทมีความชอบธรรมที่จะกล่าวหา ว่ามีเจตนาไม่สุจริต เพราะเฉี่ยวชนคนอื่นแล้วหลบหนีไป ซึ่งโดยประสบการณ์ของฝ่ายเคลมสินไหมทดแทน การเกิดเหตุในลักษณะนี้ สันนิษฐานได้เลย...เมาแล้วขับ

แต่จะแน่ใจแค่ไหน ในเงื่อนไขกรรมธรรม์กำหนดไว้ว่า บริษัทยังต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก จากนั้นค่อยกลับมาเรียกร้องค่าเสียหายที่จ่ายให้ไป กับผู้เอา ประกันภัย

คำถามในเรื่องความคุ้มครองที่ถามมา จึงได้คำตอบว่า ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับ รถยนต์ คู่กรณี

ส่วนเรื่องเมาจริงหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของบริษัท ประกันภัย กับผู้ขับขี่ต้องมาต่อสู้กันเองในภายหลังว่า เมาจริงหรือไม่

แต่อย่างว่า พนักงานเคลมของบริษัท ประกันภัย คงอยู่ในกรอบความคิดที่ถ่ายทอดกันมามากเกินไป เพราะการไปกล่าวหาผู้ขับขี่ว่า เมาสุรา อีกทั้งบริษัท ประกันภัย สามารถพิสูจน์ทราบ โดยไปที่โรงพยาบาล ว่าได้มีการเข้าไปรักษาตัวจริงหรือไม่อย่างไร

ที่สำคัญเรื่อง เมาสุรา แล้วขับ รถยนต์ ไปชนคนอื่น ถ้าไม่โดนเป่าแอลกอฮอล์ที่โรงพัก หรือบาดเจ็บและโรงพยาบาลเก็บตัวอย่างเลือดเอาไว้ ข้ามคืนผ่านพ้นไปเมื่อไหร่ บริษัท ประกันภัย ยอมจนแต้ม...ต้องจ่ายเกือบทุกราย

ที่มา : สยามอินชัวร์ นิวส์