เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.ติดตามความคืบหน้าการเรียกร้องค่าสินไหม น้ำท่วม ระหว่างบริษัท ประกันภัย กับผู้เอา ประกันภัย และบริษัท ประกันภัย กับผู้รับ ประกันภัย ต่อ (รีอินชัวเรอส์) อยู่ โดยทั้งบริษัท ประกันภัย และรีอินชัวเรอส์ เป็นผู้รู้และอยู่ในวิชาชีพทั้งคู่ ก็ให้เขาเจรจาตกลงกันไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนใดๆ มาที่ คปภ. กรณีเก็บเงินจากผู้รับ ประกันภัย ต่อไม่ได้หรือได้ไม่ครบ

"ตราบเท่าที่ตกลงกันได้ ก็ให้ตกลงกันไป แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผู้เอา ประกันภัย ต้องได้รับการดูแลก่อน หน้าที่ของเราคือ ให้บริษัทกับรีพูดคุยกัน ถ้ากระทบกับฐานะการเงินบริษัท ประกันภัย เมื่อไหร่ ผมจะเข้าไปดู แต่ตอนนี้ยังไม่กระทบ"

ส่วนกรณีบริษัทเอเชียน รี ที่เป็นผู้รับ ประกันภัย ต่อ ประกันภัย น้ำท่วมรายใหญ่แห่งหนึ่งในไทย มีปัญหาเรื่องการเพิ่มทุน ซึ่งอาจจะกระทบไปถึงการจ่ายสินไหมนั้น กล่าวว่า เอเชียน รี เป็นบริษัท ประกันภัย ต่อที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายพิเศษ มีรัฐบาล 10 ประเทศอาเซียนถือหุ้น ซึ่งตอนหลังมีภาคเอกชนเข้าไปถือหุ้นด้วย มีสำนักงานใหญ่อยู่ในไทย หลายปีที่ผ่านมามีกำไรจากการประกอบธุรกิจในไทย และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว

ซึ่งผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่าน มาทางเอเชียน รี ที่รับ ประกันภัย ต่อไว้มาก ได้แจ้งไปยังผู้ถือหุ้นทุกราย รับทราบถึงความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน แต่เนื่องจากมีรัฐบาลถือหุ้น ขั้นตอนการเพิ่มทุนจะมีกระบวนการที่ยุ่งยาก และใช้เวลานานกว่าเอกชน เพราะต้องขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของแต่ละประเทศก่อน

"ตามเป้าหมายของเอเชียน รี เขาต้องการเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท ในส่วนของรัฐบาลไทยไม่มีปัญหา เพิ่มทุนเสร็จไปแล้วกว่า 3 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 100 ล้านบาท ตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่แล้ว ก็ได้มาอีก 1-2 ประเทศ แต่รัฐบาลอื่นๆ ที่เหลือ ยังติดกระบวนการที่ว่าอยู่ ทำให้เงินเข้ามาช้า ทางเอเชียน รี จะหันไปคุยกันเอกชนได้เงินเร็วกว่ารัฐบาล ตอนนี้เขาทำ 2 ทาง คุยกับเอกชนควบคู่ไปกับการเพิ่มทุนของรัฐบาลที่เหลือ"

เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า สิ่งที่ทางเอเชียน รี จะต้องทำต่อจากนี้คือ เรียกประชุมรัฐบาล 10 ประเทศถึงการเพิ่มทุน หากเอกชนจะถือหุ้นเพิ่ม โดยการถือหุ้นของบริษัทเอกชนที่ทางเอเชียน รี คุยนั้น อาจจะมีทั้งบริษัทเดิมที่ถือหุ้นอยู่แล้ว และรายใหม่ที่ยังไม่ถือหุ้น แต่มีสัญญา ประกันภัย ต่อกันอยู่ มีสินไหมน้ำท่วมค้างจ่าย อาจจะให้แปลงสินไหมเป็นหุ้น ทำนองแปลงหนี้เป็นทุน โดยเอกชนสามารถือหุ้นเพิ่มได้ แต่ต้องเป็นบริษัทที่มีความแข็งแรง โดยธุรกิจส่วนใหญ่ของเอเชียน รีอยู่ในประเทศไทย จึงได้รับความสนใจจากบริษัทเอกชนมาก

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยกล่าวว่า สมาคมฯ ได้นัดสมาชิกมาดูสัญญา ข้อตกลงการจ่ายสินไหมทดแทน ทั้งบริษัท ประกันภัย กับลูกค้า และบริษัท ประกันภัย กับผู้รับ ประกันภัย ต่อ จุดประสงค์หลักเพื่อไม่ให้มีการฟ้องร้องระหว่างกัน ก่อนสัญญาประกันภัยจะหมดอายุความในเดือนกันยายนนี้ โดยให้ตกลงกันใน 2 เรื่องคือ ให้บริษัทรับสภาพเป็นหนี้ลูกค้า ในส่วนสินไหมที่ยังค้างอยู่ รวมถึงบริษัท ประกันภัย ต่อเอง รับสภาพเป็นหนี้บริษัทเช่นกัน ส่วนสินไหมที่ยังตกลงกันไม่ได้ ให้ชำระบางส่วน เพื่อไม่ให้อายุความหมด ตัดความกังวลไม่เกิดการฟ้องร้องกัน

"เรื่องการฟ้องร้อง อาจจะมีบ้างกับ ประกันภัย ต่อ บางรายที่มีความไม่มั่นคง แต่ลูกค้าไม่น่าจะฟ้องบริษัท ประกันภัย เท่าที่ได้รับข้อมูลจากกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีประชาชนร้องเรียนเรื่องสินไหมน้ำท่วมเข้าไปเลย เรื่องการเคลียร์สินไหมน้ำท่วม ยังยึดกรอบเดิมให้จบภายในสิงหาคมนี้ เรื่องที่ไม่จบต้องมีคำอธิบาย ติดขัดอะไร"

ข่าวจากบริษัท ประกันภัย แห่งหนึ่ง ที่ไปร่วมประชุมกับสมาคมฯ กล่าวว่า ทางสมาคมฯ นำร่างสัญญาดังกล่าวมาให้สมาชิกดู แต่ยังไม่ได้มีการทำสัญญากัน เพราะแต่ละบริษัทต้องนำสัญญาไปดู และแก้ไข ซึ่งแต่ละบริษัทมีสัญญาไม่เหมือนกัน

ที่มา : สยามธุรกิจ