ใกล้งวดเข้ามาทุกขณะกับการขายธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคเอเชียของ “ไอเอ็นจี กรุ๊ป” ที่ต้องเร่งนำเงินชำระคืนรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตามที่ได้ตกลง กับคณะกรรมาธิการยุโรป หลังจากที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน เมื่อครั้งวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551 เป็นจำนวน 10,000 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ไอเอ็นจี กรุ๊ป ตัดสินใจแบ่งส่วนธุรกิจในเอเชียแยกขาย เพื่อให้ได้ราคาสูงสุด และช่วยให้ขายได้เร็วขึ้น โดยคาดว่าธุรกิจประกันภัยในเอเชียจะมีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอเอ็นจี กรุ๊ป เปิดเผยว่า นอกจากการแบ่งขายธุรกิจบริหารสินทรัพย์และประกันภัยในเอเชียแล้ว ไอเอ็นจียังเตรียมที่จะนำธุรกิจประกันภัยในยุโรปและอเมริกา จดทะเบียนในตลาดหุ้นตามแผนการปรับโครงสร้าง แยกธุรกิจประกันภัยและธนาคารของไอเอ็นจี กรุ๊ป ขณะที่กระบวนการขายธุรกิจประกันภัย และบริหารสินทรัพย์ในเอเชีย จะได้เห็นการขายบางธุรกิจเร็วขึ้น แต่ในส่วนของการร่วมทุนอาจจะช้า

ข่าวระบุว่า แมนูไลฟ์ ยักษ์ประกันภัยจากแคนาดา และยักษ์ประกันภัยอันดับสามของเอเชียอย่าง เอไอเอ คือ ผู้สนใจซื้อในรอบสุดท้าย โดยสนใจซื้อธุรกิจประกันภัยในเอเชีย ยกเว้นธุรกิจส่วนกรมธรรม์ประกันภัยบำนาญแบบผันแปรในญี่ปุ่น ที่มีมูลค่า 18,000 ล้านยูโร หรือ 22,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ยังกังวลว่าอาจจะกลายเป็นหนี้ขนาดใหญ่ได้ หากตลาดทุนตกต่ำในอนาคต แต่ราคาที่ 2 บริษัทนี้เสนอยังไม่น่าสนใจ โดยกลยุทธ์ของไอเอ็นจี กรุ๊ป คือ การแยกธุรกิจประกันในเอเชียเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจในเกาหลีใต้ และธุรกิจในญี่ปุ่นบางส่วนที่ยังน่าสนใจ ซึ่งกลยุทธ์นี้จะทำให้ราคาสุทธิโดยรวมของไอเอ็นจีสูงขึ้น และเร่งกระบวนการขายให้เสร็จเร็วขึ้นด้วย

ทั้งนี้ไอเอ็นจี กรุ๊ป รายงานผลประกอบการไตรมาสสอง 2555 ว่า รายได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากผลกระทบจากภาวะขาดทุน และการปล่อยกู้ในสเปนและกรีซ ที่เป็นศูนย์กลางเกิดวิกฤติยูโรโซน ขณะเดียวกันธุรกิจประกันภภัยในกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ ทั้งเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ก็ได้รับผลกระทบด้วย โดยกำไรสุทธิลดลง 22% เหลือ 1,170 ล้านยูโร โดยกำไรก่อนหักภาษีของธุรกิจธนาคารลดลง 13% เหลือ 995 ล้านยูโร และกำไรก่อนหักภาษีของธุรกิจประกันภัยลดลง 52% เหลือ 229 ล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่รอยเตอร์โพล ให้ความเห็นไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,340 ล้านยูโร โดยที่ธุรกิจธนาคารจะมีกำไรก่อนหักภาษี 1,020 ล้านยูโร และธุรกิจประกันภัยจะมีกำไรก่อนหักภาษีที่ 500 ล้านยูโร

สำหรับธุรกิจประกันชีวิตในไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า การขายธุรกิจประกันภัยในเอเชียเป็นการตัดสินใจของบริษัทแม่ และได้อธิบายให้ตัวแทนเข้าใจแล้วว่าไม่มีผลกระทบไม่ว่าใครจะเข้ามา โดยต้องดูแลตัวแทนฝ่ายขายให้แข็งแกร่ง และมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในไทยให้เติบโต

“ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจและให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะทราบแล้วว่านักลงทุนรายใดจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัท ขอยืนยันว่าบริษัทจะยังคงดูแลลูกค้า ตัวแทน และพนักงานของบริษัทดีเยี่ยมเหมือนเดิมต่อไป”

สำหรับผลประกอบการของไอเอ็นจีประกันชีวิตในช่วงครึ่งปีแรก 2555 ยังเติบโตตามเป้าหมาย โดยมีเบี้ยปีแรก (FYP) 1,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเบี้ยรับรวม 4,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%

ที่มา : สยามธุรกิจ