เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยหรือคปภ. เปิดเผยว่าตั้งแต่เปิดขายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติในช่วงเดือนมีนาคม 2555 ล่าสุด มียอดขายกรรมธรรม์ประมาณ 4,000 กรมธรรม์ วงเงินรวม 700 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นภาคครัวเรือน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม กรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ยังไม่หมดอายุ ส่วนใหญ่จะหมดอายุในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้การเปิดขายกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ที่มีกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติร่วมรับความเสี่ยง ทำให้เอกชนเกิดความมั่นใจมากขึ้น ส่งผลให้อัตราเบี้ยประกันภัยรับต่อในตลาดปรับลดลงมาก จากช่วงน้ำท่วมเหลือเพียง 2-3 % ส่วนบางพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา เบี้ยประกันภัยรับต่อต่ำกว่าที่กองทุนกำหนดที่ 1.25 % แต่บางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เช่น จังหวัดปทุมธานี และอยุธยา อัตราเบี้ยประกันภัยยังคงสูงกว่าที่กองทุนกำหนด โดยอยู่ที่ 3-5 % เชื่อว่าหลังจากเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อายุกรมธรรม์ประกันภัยของภาคอุตสาหกรรมหมดอายุ ภาคอุตสาหกรรมจะมาซื้อกรมธรรม์ภายใต้การดูแลของกองทุนมากขึ้น
สถานการณน้ำท่วมที่คลี่คลาย ความกังวลของประชาชน และภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง อาจทำให้หน้าที่ของกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติลดน้อยลงดังนั้น การประชุมคณะกรรมการกองทุนในวันที่ 13 มิถุนายน 2555นี้ จะพิจารณาปรับเงื่อนไขกองทุนเพื่อให้กองทุนเดินหน้าต่อไปได้ เช่น ขยายวงเงินความคุ้มครองสำหรับกลุ่มเอสเอ็มอี และภาคอุตสาหกรรม จากเดิมคุ้มครองไม่เกิน 30% เป็น 50% ปรับลดทุนประกันภัยในภาคครัวเรือนเหลือขั้นต่ำ 2 หมื่นบาท จากเดิม 1 แสนบาท ซึ่งจะช่วยลดภาระการจ่ายเบี้ยประกันภัยเหลือเพียง 100 บาทต่อปี จากเดิม 500 บาทต่อปี คาดว่าการลดทุนประกันภัยจะช่วยดึงดูดความสนใจ ประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมากมาทำประกันภัยมากขึ้น
ที่มา : อาร์วายทีไนน์