ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

ค่ายประกันภัยรถยนต์กลืนเลือดรักษาแชร์

เงินเฟ้อ-ขึ้นค่าแรง กระทบเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยค่ายกลางเล็ก ต้นทุนขยับเพิ่ม ยอมกรีดเลือด ไม่ปรับเบี้ยรักษาลูกค้า

ค่ายประกันภัยรถยนต์กลืนเลือดรักษาแชร์

เมษายน
23

โดย ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 12 เมษายน 2555 เวลา 17:59 น.

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจประกันภัยอยู่ในช่วงปรับฐาน เพื่อรอดูความเสี่ยงจากการปรับตัวสูงขึ้นของเงินเฟ้อ การปรับขึ้นค่าแรงที่จะส่งผลทันทีต่อต้นทุน ราคาอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งหากให้ประเมินอัตราเบี้ยประกันภัยของปีนี้ มองว่าบริษัทประกันภัยทั้งรายใหญ่ รายกลางและเล็ก ต่างต้องแข่งขันมากขึ้นเพื่อรักษาตลาด โดยเฉพาะการแข่งขันด้านอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ยังถือว่าสูง ดังนั้นทางออกที่จะรักษาฐานลูกค้าได้คือ การยังไม่ปรับขึ้นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ แม้ต้นทุนการให้บริการจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

ขณะที่กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ยอดการส่งมอบรถยนต์กลับมาเป็นปกติแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาอัตราเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น1 ซึ่งมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่าแรง ค่าอะไหล่ ดอกเบี้ย ดังนั้นหากธุรกิจประกันภัยรถยนต์มีต้นทุนเพิ่มขึ้นก็มีผลต่อการปรับราคา อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นนั้นบริษัทจะพิจารณาตามความเหมาะสม เพราะลูกค้าหลักของธนชาต มาจากกลุ่มลูกค้าของธนาคาร คิดเป็นฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทประมาณ 6 ล้านกรมธรรม์ ดังนั้นการขึ้นเบี้ยประกันภัยแน่นอนว่าย่อมมีผลต่อฐานลูกค้าได้เช่นกัน สอดคล้องกับความคิดเห็นของนายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีทองของธุรกิจประกันภัยรถยนต์หลังจากยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่หากมองในมุมของเบี้ยประกันภัยเชื่อว่า หลายบริษัทมีโอกาสปรับขึ้นจากปัจจัยเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ อัตราเงินเฟ้อเป็นตัวหนุน แต่เหนือกว่านั้นคือ การแข่งขันในตลาดรถยนต์ที่ยังคงเน้นรักษาตลาดของตนเอง ซึ่งการปรับขึ้นเบี้ยอาจมีบ้างเป็นบางราย แต่หากมองทิศทางแล้ว ตลาดน่าจะยังไม่ปรับในครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังอาจมีผลเพราะต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประกันภัยรายกลางและเล็ก

"ต้องยอมรับว่าด้วยเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ที่สูงขึ้น แน่นอนส่งผลต่อราคารถและเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่จะต้องเพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้ว มองได้ว่าถึงไม่ปรับขึ้นเบี้ย แต่บริษัทประกันภัยก็ต้องปรับขึ้นตามคุณภาพ อะไหล่ การซ่อม และโอกาสการเกิดภัยของรถยนต์แต่ละประเภท"

นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ทำให้การเติบโตของธุรกิจประกันภัยขยายตัว ส่วนหนึ่งมาจากการแข่งขันในธุรกิจเช่าซื้อด้วยกันเอง ที่แข่งขันเรื่องดอกเบี้ยที่ไม่สูงและค่อนข้างคงที่ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของประกันภัยรถยนต์ใกล้เคียง 15-20% ถือเป็นอัตราที่เติบโตสูง น่าจะเป็นปีทองของธุรกิจประกันภัยอย่างแท้จริง

ด้านผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมทดแทนยานยนต์ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI แสดงเหตุผลสนับสนุนว่า แนวโน้มการผลิตรถยนต์ปี 2555 เริ่มมองเห็นทิศทางการฟื้นตัวตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว โดยเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด พร้อมเดินสายการผลิตได้ 100% ในไตรมาสที่ 2 ด้วยปัจจัยดังกล่าว บริษัทมองแล้วว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจประกันภัยรถยนต์ชั้น1 อย่างมาก และด้วยนโยบายการบริหารแล้ว บริษัทยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นในปีนี้ เนื่องจากประเมินสถานการณ์หลังโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติ ชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ไม่ขาดแคลน อัตราค่าซ่อมยังไม่มีการปรับเพิ่ม ที่สำคัญรถยนต์ได้รับผลกระทบน้อยมาก ความเสี่ยงปรับเพิ่มขึ้นเพียง 7-10% จากปีก่อน"

สำหรับแผนการตลาดประกันภัยรถยนต์ ปี 2555 บริษัทยังคงเน้นทำตลาดประกันภัยรถยนต์ชั้น1 เหมือนเดิม รวมถึงจะทำตลาดประกันภัยรถยนต์ชั้น2 และประกันภัยรถยนต์ชั้น3 แบบพิเศษ (2+ 3+) จากเดิมที่ไม่คุ้มครองภัยน้ำท่วม ก็ได้ขยายให้ครอบคลุมในอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มจากเดิมอีก 500 บาทต่อปี หากคิดเป็นอัตราเบี้ยประกันภัยรวมสำหรับชั้น 2+และ3+ จะต่ำกว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ประมาณ 50% รองรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท วิริยะประกันภัยฯ กล่าวอย่างมั่นใจว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้น่าจะคึกคัก หากถ้ายอดขายรถในปีนี้ถึง 1 ล้านคัน ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทจะอยู่ที่ 35% รวมยอดรถยนต์ป้ายแดง จะเข้าสู่ระบบการรับประกันภัยรถยนต์ของวิริยะประมาณ 3.5 แสนคัน ซึ่งรถใหม่ป้ายแดงการทำประกันภัยรถยนต์ต่อคันก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นบาททั้งหมด เมื่อคำนวณแล้วเบี้ยรับของเราก็น่าจะเพิ่มได้ตามที่คาดไว้ อีกทั้งตลาดประกันภัยรถยนต์เชื่อว่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเช่นกัน โดยประชาชนจะหันมาให้ความสนใจทำประกันภัยรถยนต์ชั้น1 มากขึ้น เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

"ในปีนี้ บริษัทยังไม่มีนโยบายการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ขนาดเล็ก (ซิตีคาร์-อีโคคาร์) เนื่องจากเชื่อว่ายอดจ่ายเคลมสินไหมของบริษัท หลังน้ำท่วมยังสามารถบริหารความเสี่ยงได้ และบริษัทยังมีแนวคิดว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ จะต้องอยู่ในระดับที่ทุกคนสามารถทำประกันภัยได้ ซึ่งในปีนี้บริษัทคาดว่าน่าจะทำเบี้ยรับรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท"

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ