โดย ที่มา : สยามธุรกิจ วันที่ 24 มีนาคม 2555 เวลา 00:00 น.

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง ในปี 2554 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 14,831.96 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 10,896.28 ล้านบาท หรือเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้น 3,935.67 ล้านบาท คิดเป็น 36.12% แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 1,040.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.23% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) 280.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.10% เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,949.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.85% เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 4,470.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.97% และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 6,091.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.66%

“หากเป็นสถานการณ์ปกติจากเบี้ยประกันภัยรับที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการรับประกันภัย 643.06 ล้าน บาท เมื่อรวมรายได้จากการลงทุน 726.75 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีเงินได้จำนวน 1,317.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 536.69 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68.73% นับเป็นปีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่บริษัทได้เริ่มเปิดดำเนินการมากว่า 60 ปี”

อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัย ดังนั้นบริษัทจึงได้ตั้งสำรองค่าสินไหมทดแทน เพื่อชดเชยให้แก่ผู้เอาประกันภัย ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 10,064.93 ล้านบาท เป็นค่าสินไหมทดแทนสุทธิ 992.69 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนจากการรับประกันภัย 349.63 ล้านบาท เมื่อรวมรายได้จากการลงทุนจำนวน 726.75 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิก่อนหักภาษีเงินได้ 324.88 ล้านบาท และหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 289.07 ล้านบาท คงเหลือกำไรสุทธิ 35.82 ล้านบาท

การตั้งสำรองค่าสินไหมไว้สูงถึง 10,064.93 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท ที่ต้องการให้การจ่ายชดเชยค่าสินไหมแก่ลูกค้า ผู้เอาประกันภัย ได้อย่างเป็นธรรมและรวดเร็ว และเป็นการช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย นำเงินไปใช้ฟื้นฟูกิจการให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ขณะที่ผู้เอาประกันภัยรายย่อยเอง ก็สามารถนำเงินไปซ่อมแซมทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้การดำเนินชีวิตกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

สำหรับเป้าหมายของบริษัทในปี 2555 นั้น บริษัทยังคงสานต่อนโยบายจากปี 2554 ที่กำหนดเป้าหมายในช่วงปี 2554-2556 ไว้ 3 ข้อคือ 1.ก้าวขึ้นเป็นบริษัทประกันวินาศภัย ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย 2.การเพิ่มศักยภาพให้ “ทิพยประกันภัย” เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทประกันภัยไทย และ 3.เป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศ ทั้งด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านบริหารจัดการและด้านบุคลากร

เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทอันดับหนึ่ง บริษัทได้กำหนด 3 ยุทธศาสตร์เพื่อให้ก้าวสู่เป้าหมายคือ

1. จัดตั้งหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 ในประเภทประกันภัยที่มีอัตราการขยายตัวสูง ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ซึ่งในปี 2554 มีอัตราการขยายตัวสูงถึงเกือบ 75% และ 60% ตามลำดับ

2. ปรับปรุงโครงสร้างรายได้จากการรับประกันภัย ซึ่งในปี 2555 นี้จะเพิ่มสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับ จากประกันภัยรถยนต์เป็น 30% ขณะที่เบี้ยประกันภัยประเภทอื่นอยู่ที่ 70% จากปีที่ผ่านมาสัดส่วนอยู่ที่ 25:70 และ

3. ขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไป ให้เท่ากับลูกค้ารายย่อยที่ผ่านพันธมิตรเป็น 50 : 50 จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 10:90 รวมไปถึงบริหารจัดการกลุ่มลูกค้ารายใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นกลุ่มสำคัญที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท

“การขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย เราเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับความต้องการของลูกค้า การขยายและพัฒนาระบบตัวแทนนายหน้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงขยายและพัฒนาช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ทั้งช่องทางการขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และช่องทางผ่านพันธมิตรทางธุรกิจให้เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด”

ที่มา : สยามธุรกิจ