โดย สยามธุรกิจ วันที่ 14 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.

ค่ายประกันภัยขยับขายกรมธรรม์ภัยธรรมชาติ หลังบริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศ ยอมต่อสัญญา “ทิพย” กดปุ่มตั้งแต่ 1 มกราคมที่ผ่านมา รับทุนประกันภัยแค่ 2,000 ล้านบาทครอบคลุมทั้งรายย่อยยันรายใหญ่ ยอมรับแม้ต้องจ่ายเบี้ยให้ฝรั่งแพงถึง 200 ล้านบาทแลกต่อสัญญาแต่ต้องยอม เพราะลูกค้าอยากทำ ส่วนใหญ่กลัวน้ำท่วม แห่ซื้อจนออกกรมธรรม์ไม่ทัน เผยขายแบบ “ซับ ลิมิต” คุ้มครองรายละ 10% ของทุนทรัพย์สิน แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ด้านอาคเนย์พร้อมขายเช่นกัน หลังต่อสัญญากับรีอินชัวเรอส์ได้วงเงิน 2,000 ล้านบาท วางเงื่อนไขคุ้มครองเท่ากันแบบซับ ลิมิต วงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มขายประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรายย่อย อาทิ บ้านอยู่อาศัยจนถึงลูกค้า รายใหญ่ อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากสามารถซื้อประกันภัยต่อ กับบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) วงเงินความคุ้มครอง 2,000 ล้านบาท โดยซื้อประกันภัยต่อความเสียหายส่วนเกิน (Excess of loss) ที่เกินจาก 80 ล้านบาทแรก ไปถึง 2,000 ล้านบาทไว้ กล่าวคือบริษัทจะรับผิดชอบความเสียหาย 80 ล้านบาทแรก ส่วนที่เกินไปจนถึง 2,000 ล้านบาท ทางรีอินชัวเรอส์เป็นผู้รับประกัน

“สัญญาประกันภัยต่อสำหรับความคุ้มครองภัยธรรมชาติของปีนี้ เราต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยให้กับรีอินชัวเรอส์แพงขึ้น มากรวมประมาณ 200 ล้านบาท แลกกับสัญญาวงเงิน 2,000 ล้านบาท ตั้งแต่เริ่มขายลูกค้ามีความต้องการเยอะมาก จนออกกรมธรรม์ไม่ทัน เพราะพอเจอน้ำท่วม คนกลัวอยากซื้อความคุ้มครอง จากแต่ก่อนให้ซื้อก็ไม่ซื้อ ตอนนี้ขายไปหลายร้อยกรมธรรม์แล้ว”

ในการรับประกันภัยทรัพย์สิน ขยายความคุ้มครองภัยธรรมชาติ บริษัทขายแบบจำกัดวงเงินความคุ้มครอง (Sub limit) ภัยธรรมชาติ ไม่เกิน 10% ของทุนประกันภัยทรัพย์สิน แต่รวมแล้วไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อราย แต่หากลูกค้าจะขยายวงเงินความคุ้มครองสูงกว่านี้ก็ได้ จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป อัตราเบี้ยประกันภัยยึดตามพิกัดอัตรา (ทาร์ริฟ) อัคคีภัย ขยายความคุ้มครองภัยน้ำท่วม ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่ง เสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)

โดยจะพิจารณาตามพื้นที่เสี่ยงที่แบ่งไว้ อาทิ เสี่ยงสูง เช่น บ้านอยู่แถวหมู่บ้านเมืองเอก แถวปิ่นเกล้า บางบัวทอง เดิมคปภ.กำหนดพิกัดอัตราสูงสุด 0.1% เมื่อมีการยืดหยุ่น บริษัทอาจจะขยับไปใช้อัตราเบี้ยประกันที่ 0.2% เป็นต้น พร้อมกับนำปัจจัยในเรื่องมาตรการป้องกันความเสี่ยงของลูกค้า มาพิจารณาเป็นส่วนลดเบี้ยประกันภัยด้วย อีกทั้งยังกำหนดให้ลูกค้าร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) เอง 10% ของความเสียหายขั้นต่ำไม่เกิน 100,000 บาท

“หากความต้องการทำประกันภัยธรรมชาติมีมากจนเต็มเพดาน 2,000 ล้านบาท เราสามารถซื้อประกันภัยต่อขยายวงเงินไปถึง 3,000 ล้านบาทได้ ตอนนี้เราซื้อไว้ 2,000 ล้านบาทคิดว่าพอ เราต้องรีบขายเป็นช่วงจังหวะที่คนต้องการ ลูกค้าเก่าของเราต่ออายุตลอด เรารับทั้งลูกค้าเก่าและใหม่”

ด้านรองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้หาซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติ จากบริษัทประกันภัยต่อได้แล้ว วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท จึงเตรียมที่จะออกกรมธรรม์ประกันภัยภัยธรรมชาติ (Natural Catastrophe : Nat Cat) เพื่อเสนอขายให้กับลูกค้าประกันภัยทรัพย์สิน ซึ่งสัญญาประกันภัยในปีนี้ไม่ได้รวมถึงความคุ้มครองภัยธรรมชาติด้วย

ทั้งนี้ เชื่อว่าวงเงิน 2,000 ล้านบาท เพียงพอต่อความคุ้มครองลูกค้าเดิมที่มีอยู่เกือบ 400,000 ราย ขณะเดียวกันก็จะเสนอขายให้กับลูกค้าใหม่ที่สนใจด้วย ซึ่งทำให้บริษัทยังไม่สามารถจะระบุอัตราเบี้ยที่ชัดเจนได้ เพราะขึ้นกับความเสี่ยงของพื้นที่ หากเป็นพื้นที่เสี่ยงเบี้ยจะยิ่งขยับขึ้นสูง และขึ้นกับความต้องการของลูกค้า หากว่ามีความต้องการมาก ก็จะทำให้จำนวนลูกค้ามากขึ้นทำให้เบี้ยถูกลง โดยความคุ้ม ครองเป็นแบบซับ ลิมิต ตามเงื่อนไขของรีอินชัวเรอส์ เช่น รายใหญ่วงเงินไม่เกิน 10% ของทุนประกันภัยแต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท “เรากำลังรอข้อสรุปจากบอร์ดบริหารว่า อัตราเบี้ยควรจะเป็นอย่างไร แต่คงไม่ถึง 10% ของวงเงินความรับผิดแน่ ซึ่งหากได้ข้อสรุปเรื่องเบี้ยแล้วก็สามารถออกกรมธรรม์ ขายได้ทันทีภายในไตรมาสแรกนี้”

แหล่งข่าวจากวงการประกันวินาศภัยให้ความเห็นว่า การต่อสัญญาประกันภัยต่อความคุ้มครองภัยธรรมชาตินั้น เชื่อว่าบริษัทประกันภัยรายใหญ่น่าจะต่อสัญญาได้จบหมดแล้ว แต่บริษัทประกันภัยรายเล็กน่าจะยังไม่หมด โดยจะเป็นการซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติต่างหาก ในลักษณะของกรมธรรม์ Nat Cat ซึ่งที่จริงแล้ว สัญญาคุ้มครองภัยธรรมชาติในลักษณะนี้ ที่ผ่านมาบริษัทรับประกันภัยต่อ จะขายให้เฉพาะประเทศที่จัดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ปีนี้เท่ากับประเทศไทยถูกจัดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเหมือนกับญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไต้หวัน

“คำถามคือบริษัทประกันภัยขนาดเล็ก จะหาซื้อประกันต่อภัยธรรมชาติได้อย่างไร เพราะเบี้ยแพงมาก เช่น บางรายวงเงินคุ้มครองภัยธรรมชาติ 100 ล้านบาท ต้องจ่ายเบี้ยถึง 20 ล้านบาท ยังไม่รู้จะเก็บเบี้ยต่อปีได้ถึงหรือไม่ ดังนั้นโอกาสที่บริษัทประกันภัยขนาดเล็ก จะไม่ขายความคุ้มครองประกันภัยทรัพย์สินเลย ก็มีมากในปีนี้”

ด้านกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2555 บริษัทมีมาตรการในการรับประกันภัยทรัพย์สิน โดยมีการจำกัดความรับผิดภัยธรรมชาติแบบรวมทุกภัย ซึ่งแนวโน้มการรับประกันภัยทรัพย์สินในปีนี้ จะไม่รวมความรับผิดสำหรับภัยธรรมชาติ เป็นเงื่อนไขปกติของทุกบริษัทประกันภัย

โดยบริษัทได้ซื้อภัยเพิ่มที่คุ้มครองภัยธรรมชาติทั้งหมด กับบริษัทรับประกันภัยต่อเรียบร้อยแล้ว จำกัดวงเงินคุ้มครองภัยธรรมชาติ ส่วนเบี้ยประกันภัยกำลังรออนุมัติอย่างเป็นทางการจาก คปภ. คาดว่าเบี้ยประกันภัยจะเป็น 10-15% โดยประมาณของจำนวนเงินความรับผิด โดยภัยธรรมชาติเปิดขายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป

ที่มา : สยามธุรกิจ