โดย สยามธุรกิจ วันที่ 14 ธันวาคม 2554 เวลา 00:00 น.

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท ไทยรับประกัน ภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยรี เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่สามารถประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงนี้ได้ เนื่องจากบริษัทประกันภัยทุกแห่งที่ประกันภัยต่อให้กับไทยรี ยังไม่แจ้งตัวเลขความเสียหายของแต่ละบริษัทมาให้ ที่แจ้งเข้ามาน้อยมากจึงไม่สามารถรวบรวมความเสียหายของบริษัทได้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนถึงจะรู้

อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ต่อการทำประกันภัยทรัพย์สินคุ้มครองภัยธรรมชาติในประเทศไทย เพราะชัดเจนแล้วว่าทางบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศ กำหนดให้แยกสัญญาภัยธรรมชาติ ออกมาจากสัญญาหลักประกันภัยทรัพย์สิน เป็นเรื่องดีบริหารจัดการง่าย เพราะสิ่งสำคัญในการบริหารภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ อย่างภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้น คือการบริหารการกระจุกตัวของภัย ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้มีความเสียหาย หรือการกระจุกตัวของภัยเกิดขึ้นพร้อมกันครึ่งประเทศ การบริหารความเสี่ยงจะยาก

“สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รีอินชัวเรอส์เขาจะกำหนดมาเลยในแต่ละจังหวัด แต่ละนิคม บริษัทประกันภัยที่จะส่งงานให้เขาจะรับประกันภัยน้ำท่วมได้เท่าไหร่ จากเดิมรับได้เท่าไหร่ก็ได้ตามทุนประกันภัยของน้ำ เพราะเมื่อก่อนไม่มีความเสี่ยงเรื่องน้ำ แต่ตอนนี้มีความเสี่ยงเขาเจ็บหนักต้องคำนึงถึงฐานะของเขา จะให้แยกรับความเสี่ยงภัยน้ำท่วมได้เท่าไหร่ จำกัดความรับผิดในแต่ละเหตุการณ์ของแต่ละบริษัทมา”

เช่นกำหนดมาเลยน้ำท่วม 1 เหตุการณ์ให้รับประกันภัยได้ 1,000 ล้านบาท จะแยกย่อยมาอีกแต่ละนิคมอุตสาหกรรมให้ได้ไม่เกินเท่าไหร่ แต่ละจังหวัดไม่เกินเท่าไหร่ จะดูจากความเสียหายครั้งนี้เป็นเกณฑ์ สมมติให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาวงเงิน 100 ล้านบาท บริษัทประกันภัยที่ส่งงานให้รับไปแล้วเท่าไหร่ ให้นวนคร 50 ล้านบาท รับประกันภัยไปแล้วเท่าไหร่ต้องรายงานให้เขาทราบทุกไตรมาส หากมีสัญญาประกันต่อกับบริษัทประกันภัย 10 บริษัท อาจจะเฉลี่ยไปบริษัทละ 100 ล้านบาท รวมกันแล้วไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เป็นการควบคุมความรับผิดของเขา แต่ก่อนไม่มีให้เต็มทุนประกันภัย

“แง่ลูกค้าผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คือไม่มีบริษัทไหนให้ความคุ้มครองน้ำท่วมเต็มทุนประกันภัยเหมือนอดีต ซื้อเท่าที่จำเป็นดูจากความเสียหายครั้งนี้ ซื้อน้อยเสียเงินน้อย แง่บริษัทประกันภัยไม่มีกำลังรับได้เต็มทุนต้องจำกัดความเสี่ยง”

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยเศรษฐกิจ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนตัวมองค่าเสียหายของธุรกิจประกันภัยจากน้ำท่วมครั้งนี้ 200,000 ล้านบาทน่าจะเอาอยู่ไม่น่าจะถึง 300,000 ล้านบาท เพราะน้ำลดมีทรัพย์สินบางส่วนที่ประเมินไปก่อนหน้านี้ ต้องประเมินใหม่ความเสียหายอาจจะน้อยกว่าที่ประเมินไว้ในตอนแรก ขณะที่เครื่องจักรกู้ได้ เพราะผู้เอาประกันภัยเองที่เป็นผู้ผลิตสินค้าต้องเร่งการผลิตต่อเนื่อง เพราะมีออเดอร์รออยู่ อย่างผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ป้อนให้กับผู้ผลิตรถยนต์ การเรียกเคลมจากบริษัทประกันภัย เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่เลยต้องใช้เวลาในการสั่งซื้อเครื่องจักร ทำให้การผลิตขาดช่วง ดังนั้นหากสามารถซ่อมแซมเครื่องจักรได้ จะใช้เวลาสั้นกว่าสั่งของใหม่

“เชื่อว่าตัวผู้เอาประกันภัยเอง ต้องพยายามทำให้เครื่องจักรใช้งานได้เร็วขึ้นไม่ต้องสั่งเครื่องจักรใหม่ ส่วนสต็อกสินค้าเสียหายจริง ไม่มีคนเอาสินค้าเปียกน้ำมาขาย เสียชื่อ ทำให้เกิดความต้องการในตลาด ผู้ผลิตต้องเร่งผลิตสินค้าป้อนตลาด จะทำให้สินไหมประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption : BI) ลดลงด้วย สายพานการผลิตกลับมาทำงานได้เร็วขึ้น”

ที่มา : สยามธุรกิจ