โดย สยามธุรกิจ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2554 เวลา 00:00 น.
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและกฎระเบียบ สมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมนี้ เป็นช่วงของการต่อสัญญากรมธรรม์ประกันภัยต่างๆ รวมถึง กรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติรวมน้ำท่วม ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ประชุมที่สิงคโปร์ มีการหารือถึงสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย รวมถึงการต่อสัญญาประกันภัย
ซึ่งทางรีอินชัวเรอส์ได้แจ้งด้วยวาจา มายังบริษัทประกันวินาศภัยขนาดใหญ่ในประเทศไทยแล้วว่า กรมธรรม์ประกันภัยที่ทำประกันภัยคุ้มครองภัยธรรมชาติไว้ ที่ครบอายุและต้องการต่ออายุประกันภัย คุ้มครองภัยธรรมชาติสามารถต่ออายุได้ บริษัทรับประกันภัยต่อยังรับประกันต่อไป แต่ต้องลดจำนวนความรับผิดชอบ หรือวงเงินความคุ้มครองในสัญญาประกันภัยต่อ (Treaty) ลงจากเดิม
กล่าวคือมีการจำกัดความรับผิดชอบต่อ 1 เหตุการณ์ เช่น การรับประกันภัยน้ำท่วมในประเทศไทย กำหนดใน 1 เหตุการณ์ จำกัดความรับผิดชอบทั้งประเทศไม่เกิน 500 ล้านบาท หากเสียหายมากกว่านี้บริษัทประกันภัยในประเทศไทยรับผิดชอบเอง ขณะที่การต่ออายุสัญญาการรับประกันภัยต่อแบบเฉพาะราย (facultative reinsurance) อาทิ ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ประกันอัคคีภัยที่คุ้มครองน้ำท่วม เป็นต้น บริษัทรับประกันภัยต่อไม่รับต่ออายุเลย
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยที่ไม่มีความคุ้มครองภัยน้ำท่วมอยู่ และต้องการทำประกันภัยคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม ในการต่ออายุกรมธรรม์คงลำบาก โดยเฉพาะลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมแล้ว เพราะตามหลักการประกันภัยถือว่าเป็นภัยแน่นอน (Known Loss) มีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถซื้อประกันภัยได้ ส่วนลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่น้ำยังไม่ท่วม แต่มีความเสี่ยงสูงจะท่วม เช่น สมุทรปราการ บริษัทประกันภัยอาจจะรับประกันภัยหาก แต่จำกัดวงเงินความรับผิดหรือให้ผู้เอาประกันภัยร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Excess หรือ deductible) ในวงเงินสูงขึ้น ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง
ปกติสัญญาประกันภัยต่อ (Treaty) จะต่ออายุกรมธรรม์ให้เสร็จภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน หากจะล่าช้าออกไปไม่เกินกลางเดือนธันวาคม โดยบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศ กำลังรอประเมินความเสียหายน้ำท่วมครั้งนี้อยู่ เพื่อดูว่าจะปรับปรุงเงื่อนไขสัญญาประกันภัยต่อ สำหรับความคุ้มครองในปีหน้าอย่างไร จะมีอยู่ 2-3 ประเด็นคือ
1. การรับประกันภัยธรรมชาติทุกชนิดจะมีข้อจำกัดความเสียหายต่อเหตุการณ์
2. ร้องขอให้บริษัทประกันภัยปรับปรุงเบี้ยให้เหมาะสมกับความเสียหาย หรือแยกสัญญาภัยธรรมชาติออกจากภัยปกติ
3.ตลาดประกันภัยในประเทศไทยต้องปรับปรุงขนานใหญ่ เพราะเมื่อบริษัทรับประกันภัยต่อมีแนวโน้มแบบนี้ การต่อสัญญาประกันภัยต่อยากขึ้น ผู้บริโภคลำบาก ทำประกันยาก เบี้ยประกันภัยแพงขึ้นเป็น 100%
ในอนาคตบริษัทประกันภัยของไทย ต้องร่วมมือกับภาครัฐตั้งกองทุนมหันตภัยขึ้นมา เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่มีกองทุนแผ่นดินไหว เพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ที่บริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ เพิ่มกำลังความสามารถ (Capacity) ให้กับธุรกิจประกันภัยในประเทศ ไม่ใช่พึ่งต่างประเทศตลอด ต้องคอยคำตอบจากต่างประเทศ
นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวถึงการศึกษารูปแบบการรับประกันภัย สำหรับมหันตภัยที่จะทำร่วมกันทุกบริษัท (pool) ว่า อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาโมเดลต่างๆ จากต่างประเทศ ขณะนี้มีโมเดลของประเทศญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและบางรัฐในสหรัฐอเมริกา ในการจัดการกับมหันตภัยอยู่ในมือแล้ว อีกทั้งปลายสัปดาห์นี้ บริษัทรับประกันภัยต่อขนาดใหญ่ของโลก จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูโมเดล ที่เหมาะสมในการบริหารความเสี่ยงภัยใหญ่ๆ ในประเทศไทย ที่บริษัทรับประกันภัยต่อสามารถรับได้ พร้อมกับนำโมเดลต่างประเทศมาให้ดูเพิ่มเติมด้วย
ที่มา : สยามธุรกิจ