โดย สยามธุรกิจ วันที่ 26 ตุลาคม 2554 เวลา 00:00 น.

หลังจากโชว์วิสัยทัศน์ในเทอมการทำงาน 4 ปีข้างหน้านี้ ต่อผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และธุรกิจประกันภัย ระหว่างงานสัมมนาภาพรวมระบบประกันภัยปี 2554 ที่ทางคปภ.จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เย็นวันเดียวกันว่าที่เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และเลขาธิการคปภ. ได้ประชุมนอกรอบวาระเร่งด่วน เรื่องน้ำท่วมกับผู้บริหารสมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมประกันชีวิตไทย

นายกสมาคมประกันวินาศภัย กล่าวว่ามีการแจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลต้องการให้มีการทำประกันภัยโครงการข้าวในปีถัดไป โดยอยากให้สมาคมประกันวินาศภัย เร่งศึกษาความคุ้มครองและอัตราเบี้ยประกันภัย ส่งให้รัฐบาลพิจารณาเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งทั้งความคุ้มครองและเบี้ยประกันภัยคงจะเปลี่ยนแปลงไป จากปีการผลิต 2554 ที่เพิ่งปิดการรับประกันภัยไป ทั้งนี้รัฐบาลได้ให้เงื่อนไขมาใหม่ มีแผนการจะให้นาข้าวทั้งหมด ที่มีอยู่ประมาณ 60 ล้านไร่ทั่วประเทศทำประกันภัย ดังนั้น เบี้ยประกันภัยควรจะเป็นเท่าไร ส่วนวงเงินความคุ้มครองยังไม่ชัดเจน กำหนดแค่ให้เพิ่มความคุ้มครองภัยจากแมลงศัตรูพืชด้วย นอกเหนือจาก 6 ภัยธรรมชาติที่คุ้มครองอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่น้ำท่วม ฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้

ท่านได้รับมอบนโยบายมาจากกระทรวงการคลัง ให้เร่งศึกษาโครงการนี้ให้เร็วที่สุด อยากเห็นภาพคร่าวๆ เบี้ย และวงเงินความคุ้มครองจะเป็นอย่างไร ซึ่งจากสถิติการรับประกันภัยข้าวปีการผลิต 2554 ที่เพิ่งปิดโครงการไป เจ๊งแน่นอนเพราะเก็บเบี้ยได้ประมาณ 120 ล้านบาท แต่ประเมินความเสียหายจากพื้นที่นาข้าวถูกน้ำท่วม น่าจะมากกว่าเบี้ยประกันภัย 8-10 เท่า เบื้องต้นได้แจ้งกับทั้ง 2 ท่านว่าโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ เพราะรัฐบาลอยากให้ครอบคลุมทั้ง 60 ล้านไร่ คำนวณคร่าวๆ จากทุนประกันตอนนี้ 1,400 บาทต่อไร่ ทุนประกันรวม 84,000 ล้านบาทมหาศาลมาก แค่เสียหายบางส่วนธุรกิจประกันภัยในประเทศ ไม่มีกำลังความสามารถพอที่จะรับประกันภัย จำเป็นต้องประกันภัยต่อกับบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก อีกทั้งเวลานี้เป็นช่วงวิกฤติน้ำท่วมหนัก ไม่ใช่จังหวะเหมาะสมที่จะคุยกับรีอินชัวเรอส์

นายกสมาคมประกันวินาศภัยกล่าวเพิ่มว่า จากอุปสรรคนี้ทางสมาคมฯได้เสนอกับเลขาธิการคปภ. ขอให้รัฐบาลพิจารณาเข้ามาสนับสนุน ช่วยรองรับการประกันภัยเกี่ยวกับภัยธรรมชาติบางส่วน อย่างที่ญี่ปุ่นรัฐเข้ามาช่วยรับประกันภัยธรรมชาติ คือ ภัยแผ่นดินไหว โดยเข้ามารับประกันภัยต่อจากบริษัทประกันภัย เอาเครดิตและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเข้ามาช่วย โดยรัฐบาลได้เบี้ยประกันภัยไปส่วนหนึ่ง หากไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นก็ไม่ต้องจ่าย โมเดลนี้ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ บริษัทประกันภัยรับประกันภัยได้ รวมถึงอำนาจต่อรองกับรีอินชัวเรอส์จะมีมากขึ้น โมเดลนี้จะมี 3 ฝ่ายคือ บริษัทประกันภัย รัฐบาลและรีอินชัวเรอส์ ทั้ง 2 ท่านให้เราทำเรื่องเสนอเข้ามาอย่างเป็น ทางการให้พิจารณา โมเดลอื่นๆ ในต่างประเทศด้วย ขณะเดียวกันคปภ.จะศึกษาโมเดลต่างๆ ไปด้วย ดูว่าโมเดลไหนเป็นไปได้มากที่สุด เรากำลังรวบรวมโมเดลอยู่จะนำเสนอภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน

เรื่องกองทุนมหันตภัยก็พูดถึงเหมือนกัน แต่การจัดตั้งอาจจะยาก ไม่แน่ใจติดข้อกฎหมายหรือไม่ในประเด็นน้ำท่วม เลขาธิการคปภ. คนใหม่มอบ 3 มาตรการให้ธุรกิจประกันภัยรับไปดำเนินการประกอบด้วย
1. เร่งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ผู้เอาประกันภัยที่มีกรมธรรม์อย่าตื่นตระหนก ได้รับการชดเชยแน่นอน
2. เร่งกระบวนการฟื้นฟู จ่ายสินไหมทดแทนรวดเร็ว และให้เกิดความสะดวกที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หากมีอะไรติดขัดคปภ. พร้อมที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และ
3. แนวทางป้องกันในวันข้างหน้า ให้ช่วยกันคิดค้นกรมธรรม์ใหม่ๆ รวมภัยธรรมชาติต่างๆ อาทิ น้ำท่วมเข้าไปด้วยในราคาเบี้ยประกันภัยไม่แพงมาก เพื่อให้เข้าถึงประชาชนวงกว้าง หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ควรจะมีการป้องกันตนเองตามควร เช่น มีเขื่อนกั้นน้ำ ซึ่งควรจะเป็นเขื่อนคอนกรีตฐานกว้าง เพื่อให้มีความแข็งแรงป้องกันน้ำได้จริง เป็นต้น เป็นมาตรการป้องกันระยะยาว ซึ่งหากมีมาตรการป้องกันเบี้ยจะลดลง

ที่มา : สยามธุรกิจ