โดย สยามธุรกิจ วันที่ 5 ตุลาคม 2554 เวลา 00:00 น.

ธุรกิจประกันภัยเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น กับวิกฤตการณ์น้ำท่วมหนักในปีนี้ เกือบทั้งประเทศโดนทั่วหน้า หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคกลางจมน้ำเป็นเดือน ระดับน้ำยังสูงอยู่มาก ขณะที่พายุลูกใหม่ “เนสาด” จากฟิลิปปินส์เตรียมจะถล่มภาคตะวันออกและภาคใต้อีกระลอก โดยประธานคณะกรรมการประกันภัยทรัพย์สิน สมาคมประกันวินาศภัย ยอมรับว่า ความเสียหายจากภัยธรรมชาติโดยเฉพาะน้ำท่วมในปีนี้น่าจะมากกว่าปีก่อน

คาดว่าค่าสินไหมทดแทนประกันภัยทรัพย์สินทั้งระบบน่าจะเกิน 1,500 ล้านบาท ที่จ่ายไปเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากน้ำท่วมกระจายไปทั่วเกือบทุกจังหวัดไล่มาตั้ง แต่ภาคเหนือยันภาคกลาง และเริ่มท่วมเข้าไปยังเขตพาณิชย์หรือเขตเศรษฐกิจแล้ว อย่างที่เชียงใหม่ที่เริ่มท่วมในตัวเมือง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หรือที่ลพบุรี ส่วนค่าสินไหมทดแทนจะขยับขึ้นไปถึง 2,000 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทรัพย์สินในเขตเศรษฐกิจเหล่านี้ ทำประกันภัยไว้มากน้อยแค่ไหนและมีความเสียหายมากเพียงใด

สำหรับแนวทางรับมือกับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ทางคณะกรรมการฯ จะเริ่มศึกษา 3 แนวทาง คือ
1. จัดตั้งกองทุนมหันตภัยคุ้มครองความเสียหายจากมหันตภัยต่างๆ โดยบริษัทประกันภัยลงขันส่วนหนึ่ง และรัฐบาลเข้ามาร่วมด้วยส่วนหนึ่ง ที่เหลือประกันภัยต่อไปต่างประเทศ
2. ตั้งเป็นกองกลาง (พูล) ประกันภัยธรรมชาติ หลักการเดียวกับพูลประกันภัยรถจักรยานยนต์ โดยเงินในพูลมาจากเบี้ยประกันภัย เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกระจายความเสี่ยง ไปให้กับบริษัทที่เข้าร่วมพูล และบริษัทรับประกันภัยต่อ และ
3. จัดตั้งเป็นบริษัทเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อรับประกันภัยธรรมชาติเพียงอย่างเดียว รูปแบบเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่รับประกันภัยแผ่นดินไหว ระดมทุนจากบริษัทประกันภัยที่จะมาร่วมกันถือหุ้น

สถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงมากขึ้นในปีนี้ ยอมรับว่าทางบริษัทรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศ เริ่มมีแนวโน้มให้สัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า ในการต่อสัญญาประกันภัยต่อรอบใหม่นี้ จะลดการรับประกันภัยหรือทุนประกันในส่วนภัยธรรมชาติ ที่จะรับผิดชอบน้อยลงกว่าเดิม สมมติเดิมกำหนดทุนประกันภัยทรัพย์สิน คุ้มครองอัคคีภัย 500 ล้านบาท เฉพาะภัยธรรมชาติอาจจะลดลงเหลือแค่ 50% คือถ้ามีความเสียหายจากน้ำท่วมจะรับทุนประกันแค่ 250 ล้านบาท เป็นต้น

หากเลวร้ายที่สุดคือให้แยกเบี้ยประกันภัยธรรมชาติออกมาจากภัยอื่นๆ จากเดิมจะรวมกันอยู่กับภัยอื่นๆ เพื่อให้เห็นตัวเลขชัดเจน ยกตัวอย่าง เบี้ยประกันทรัพย์สิน 10 บาทรวมทุกภัย ต่อไปจะให้แยกออกมาให้เห็นเลยว่าใน 10 บาทเป็นภัยธรรมชาติอยู่กี่บาท เพื่อจะได้คำนวณทุนประกันภัยที่รีอินชัวเรอส์จะรับผิดชอบได้ถูกต้อง หากบริษัทประกันภัยกันเบี้ยภัยธรรมชาติไว้น้อย รีอินชัวเรอส์จะให้ทุนประกันภัยธรรมชาติน้อยลง ต่อไปการรับประกันภัยทรัพย์สิน ทางรีอินชัวเรอส์จะพิจารณาจัดสรรจำนวนเงินความรับผิดชอบ ล้อกับเบี้ยประกันภัยที่บริษัทประกันภัยของไทยจัดสรรให้มากขึ้น

ด้านประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย ให้ความเห็นว่า ในส่วนประกันภัยรถยนต์ ความเสียหายจากภัยน้ำท่วมในปีนี้ ไม่น่าจะมากกว่าปีก่อน เพราะปีนี้กระจายหลายจังหวัดก็จริง แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ที่ถูกน้ำท่วมเป็นพื้นที่การเกษตร ซึ่งไม่ได้มีรถยนต์ที่ทำประกันภัยไว้เสียหายมาก เหมือนปีก่อนที่เจอน้ำท่วมใหญ่ในตัวเมืองหาดใหญ่และโคราช ซึ่งรถยนต์เสียหายมาก

อย่างไรก็ดี เท่าที่หารือกับบริษัทสมาชิก ความเสียหายจากภัยน้ำท่วมมีมากขึ้นก็จริง แต่ไม่กระทบมากถึงกับต้องปรับเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น หรือปรับพิกัดอัตราเบี้ย (ทาร์ริฟ) ใหม่ เนื่องจากพิกัดเบี้ยในปัจจุบันเป็นขั้นต่ำ-สูง ยังมีช่องว่างที่จะขยับได้ เพราะบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่ยังใช้อัตรากลางลงมาต่ำอยู่ หากเบี้ยประกันภัยไม่พอสามารถขยับขึ้นได้ แต่เชื่อว่าด้วยภาวะการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างเข้มข้น ไม่น่าจะมีบริษัทใดขึ้นเบี้ยประกันภัย

ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภัยน้ำท่วมรวมอยู่ในภัยอื่นๆ ที่ผ่านมาการเกิดน้ำท่วมเป็นรอบๆ แต่ช่วงหลังเกิดถี่และกินวงกว้างขึ้น ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้นจากภัยน้ำท่วมประมาณ 15-20% แต่ไม่น่าเป็นห่วง ถ้าดูจากต้นทุนยังพอมีเหลือบ้างหลายส่วน ที่น่ากลัวคือกรุงเทพฯ ไม่ทันระวังตัว หากฝนตกหนักๆ นานๆ น้ำท่วมขังความเสียหายจะมีมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นรถใหม่และเป็นรถเก๋ง

ที่มา : สยามธุรกิจ