โดย สยามธุรกิจ วันที่ 5 ตุลาคม 2554 เวลา 00:00 น.

ผู้จัดการทั่วไปสมาคมประกันชีวิตแห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทางตะวันออกของญี่ปุ่น เมื่อ 11 มีนาคม 2554 จนเกิดคลื่นสึนามิถล่มนั้น ทางสมาคมฯ ได้วางมาตรการช่วยเหลือ ในสเต็ปแรก เป็นเรื่องของความช่วยเหลือเบื้องต้น ในเรื่องของการดำรงชีพต่อไป ด้วยการช่วยเหลือด้านเงิน และสิ่งของบริจาคเพื่อยังชีพ

สเต็ปที่สอง เป็นเรื่องของมาตรการช่วยเหลือในด้านกรมธรรม์ ซึ่งส่วนสำคัญที่สุดคือ การตัดข้อยกเว้นในเรื่องของแผ่นดินไหวออกไป ซึ่งโดยปกติกรมธรรม์ประกันชีวิตของญี่ปุ่นจะมีข้อเว้นกรณีแผ่นดินไหว ผู้ถือกรมธรรม์จะได้รับสินไหมทดแทนน้อยลงจากปกติ หรืออาจยกเว้นไม่ได้รับสินไหมเลย แต่เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ทางสมาคมฯ ได้ออกประกาศในวันที่ 15 มีนาคม 2554 หรือใน 4 วันต่อมาว่า ได้ตัดข้อยกเว้นนี้ออก ให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ทุกรายได้รับสินไหมแน่นอน เพื่อสร้างความมั่นใจและเชื่อใจให้กับผู้ประสบภัย

นอกจากนี้ ได้แจ้งขยายเวลาชำระเบี้ยประกันภัย ให้กับลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งนับแต่เกิดเหตุจากนั้นก็ได้ออกประกาศเพิ่มเติมอีก ขยายต่อไปอีก 3 เดือนรวมแล้วขยายเวลาชำระเบี้ยให้ผู้ประสบภัยออกไป 9 เดือน โดยผู้ประสบภัยจะเริ่มชำระเบี้ยย้อนหลังได้ตั้งแต่ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป เพื่อช่วยผู้ถือกรมธรรม์ที่คาดว่าจะเป็นผู้ประสบภัยครั้งนี้มากถึง 128,676 กรมธรรม์ (ข้อมูล ณ 25 สิงหาคม 2554)

พร้อมกันนี้ยังได้ขอความร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิต สมาชิกของสมาคมฯ ในการลดดอกเบี้ยการกู้ตามกรมธรรม์ให้กับลูกค้าจาก 3.75% เหลือ 1.5% รวมไปถึงการขยายเวลาชำระเงินกู้ และเปลี่ยนแปลงเอกสารการคืนเงินให้สะดวกต่อลูกค้ามากขึ้น ซึ่งมีบริษัทประกันชีวิตตอบรับทันที 32 บริษัท จากทั้งหมด 47 บริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ

สเต็ปที่สาม ได้ดำเนินการลดขั้นตอนการเรียกร้องสินไหมให้กับลูกค้าผู้ประสบภัย ซึ่งส่วนใหญ่เอกสารและตราประทับเพื่อแสดงตนว่าเป็นผู้ถือกรมธรรม์เสียหาย ก็ได้ทำไกด์ไลน์ขั้นตอนการเรียกร้องสินไหมขึ้นมา เพื่อช่วยให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ สามารถเรียกร้องสินไหมได้สะดวกขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังได้ทำระบบการตรวจสอบกรมธรรม์ขึ้นตั้งแต่ 1 เมษายน 2554 เพื่อช่วยบริษัทสมาชิก 47 บริษัท ได้ตรวจสอบผู้ถือกรมธรรม์ของตัวเอง และเพื่อให้ทราบด้วยว่าใครจะเป็นผู้รับประโยชน์ โดยเร่งรัดจัดทำระบบแล้วเสร็จ 6 เมษายน 2554 ซึ่งจนถึงวันที่ 27 กันยายน 2554 มีผู้ร้องขอตรวจสอบกรมธรรม์เข้ามาทั้งสิ้น 6,152 ราย และผ่านการตรวจสอบจากบริษัทประกันชีวิตทั้ง 47 บริษัท 6,090 รายและในจำนวนนี้ สามารถตรวจสอบพบการมีประกันชีวิตถึง 3,932 ราย หรือคิดเป็น 64.6% ของการตรวจสอบร้องขอทั้งหมด

มาตรการช่วยเหลือยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางสมาคมฯ ยังได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือให้คำปรึกษาผู้ประสบภัยขึ้นมา 53 ศูนย์ เพื่อให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ แก่ผู้ประสบภัย รวมไปถึงการจัดเคาน์เตอร์เซอร์วิส ออกไปบริการผู้ประสบภัยในที่ต่างๆ ด้วย

ขณะเดียวกันก็ได้ทำการตรวจสอบการมีชีวิตรอด ของผู้ถือกรมธรรม์ใน 3 จังหวัดที่มีผู้ประสบภัยมากที่สุด คือ มิยากิ อิวาเตะ และฟุกุชิมา ซึ่งพบว่ามีผู้ประสบภัยที่ต้องทำการตรวจสอบการมีชีวิตสูงถึง 2.94 ล้านคน และข้อมูลล่าสุดเมื่อ 22 กันยายน 2554 สามารถตรวจสอบการมีชีวิตของผู้ประสบภัยทั้ง 2.94 ล้านคนนั้นได้แล้ว 2.93 ล้านคน หรือคิดเป็น 99.4% ของทั้งหมดเหลือเพียง 16,000 คนที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้

ยิ่งกว่านั้น ทางสมาคมฯ ยังได้เป็นแกนกลางในการจัดทำฐานข้อมูลผู้สูญหาย และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้น เพื่อช่วยบริษัทประกันชีวิตตรวจสอบผู้ถือกรมธรรม์ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือหรือจ่ายสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยได้มากขึ้น โดยที่ลูกค้าไม่ต้องร้องขอเข้ามา โดยคาดว่าจะช่วยให้การจ่ายสินไหมให้กับลูกค้าได้มากขึ้นอีก 50% ของผู้ถือกรมธรรม์ที่ประสบภัยทั้งหมด

ทั้งนี้ ข้อมูลจนถึง 25 สิงหาคม 2554 มีการจ่ายสินไหมให้ผู้ประสบภัยไปแล้ว 15,523 รายเป็นเงิน 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้เป็นสินไหมจากเหตุภัยพิบัติถึง 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่บริษัทประกันชีวิตทุกแห่งต่างมีเงินหมุนเวียนเพียงพอ ต่อการจ่ายสินไหมให้กับผู้ประสบภัยและยังมีกองกลางหรือพูล (Pool) ประกันภัยด้วย

ที่มา : สยามธุรกิจ