โดย สยามธุรกิจ วันที่ 27 สิงหาคม 2554 เวลา 00:00 น.

การทำตลาดประกันภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risk : IAR) ที่ซื้อความคุ้มครอง ภัยธรรมชาติในประเทศไทยในปีหน้าที่ จะเริ่มต่อสัญญากันตั้งแต่ปลายปีนี้ จะลำบากมากขึ้นเนื่องจากประเทศไทยเจอภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่เมื่อปีก่อนต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ทำให้อัตราสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ประกันภัยทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากเกิน 78% มากกว่าประกันภัยรถยนต์มาจาก 2 ปัจจัย คือ 1.น้ำท่วม และ 2.ราคาเบี้ยประกันภัย ไม่สอดรับกับความคุ้มครอง

“ปัญหาอยู่ที่ตลาดรับประกันภัยต่อ (รีอินชัวรันส์ มาร์เก็ต) ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลไกควบคุมตลาด เริ่มมีทิศทางชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความเสียหายจากน้ำท่วมที่บ้านเราเจออยู่ เริ่มกำหนดกรอบความคุ้มครองที่จะรับประกันภัยต่อ เนื่องจากผู้รับประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอส์) ในต่างประเทศเจอมหันตภัยธรรมชาติหนักๆ ในต่างประเทศมาตลอด เช่น น้ำท่วมหนักในออสเตรเลีย แผ่นดินไหวที่ไครสต์เชิร์ชประเทศนิวซีแลนด์มาถึง สึนามิในญี่ปุ่นโดยเฉพาะเหตุการณ์ในญี่ปุ่น เอ็ฟเฟกต์ต่อตลาดประกันภัยต่อร้ายแรงมาก สินไหมเกินแสนล้านเหรียญ ขณะที่น้ำท่วมในบ้านเรากว้างขึ้นกว่าเดิม”

ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดรับประกันภัยต่อในขณะนี้อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ที่เรียกว่า Hard Market มีความเข้มงวดในการรับประกันภัยต่อมากขึ้น บริษัทที่มีผลประกอบการไม่ดีจะส่งประกันภัยต่อยากขึ้น เริ่มเห็นภาพบริษัทรับประกันภัยต่อบีบลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ขณะที่บริษัทประกันภัยที่มีผลประกอบการดี จะไม่ค่อยโดนความเข้มงวดของบริษัทรับประกันภัยต่อ อาทิปรับเงื่อนไขในการรับประกันภัยต่อ กำหนดลิมิตวงเงินความคุ้มครองต่อเหตุการณ์ในแต่ละพื้นที่ น้อยลงจากเดิมไม่ได้กำหนด ส่วนที่รีอินชัวเรอส์ไม่รับ บริษัทประกันภัยต้องรับความเสี่ยงเอง ส่งผลกระทบต่อการดีไซน์กรมธรรม์ลำบากมากขึ้น

“เชื่อว่านโยบายในการรับประกันภัยธรรมชาติ ในปีหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปจะซีเรียสมากขึ้น รีอินชัวเรอส์กำหนดจ่ายความคุ้มครองน้อยลง และเพิ่มเบี้ยประกันภัย จะเห็นการปรับตัวของบริษัทประกันภัย คงจะดีไซน์แพ็กเกจให้แมตช์กับสถานการณ์มากขึ้น ขณะที่ลูกค้าต้องยอมรับความจริง สถานการณ์เปลี่ยนไปต้องดูเงินในกระเป๋ามากขึ้น อย่างลูกค้าที่อยู่ในโซนเสี่ยงน้ำท่วม ยังไงก็ต้องท่วมต้องมีมาตรการลดความเสี่ยง ซึ่งส่งผลดีกับลูกค้าและบริษัทประกัน”

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีมหันตภัยเกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งแผ่นดินไหวที่ไครสเชิร์สอาจจะต้องย้ายเมือง ไฟป่าและน้ำท่วมที่ออสเตรเลีย สึนามิที่ญี่ปุ่น ฤดูเฮอริเคนในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจประกันภัย คือ การต่อสัญญาประกันภัยต่อปลายปีนี้ ถ้าเป็นความคุ้มครองเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ เบี้ยประกันภัยจะถูกปรับขึ้น เนื่องจากบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศ ได้รับผลกระทบจากมหันตภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก

“ทั้งน้ำท่วม ไฟป่าและแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ตั้งแต่ต้นปีนี้ ทำให้รีอินชัวเรอส์ขนาดใหญ่ของโลก ขาดทุนจากการรับประกันภัยทรัพย์สิน ที่มีความคุ้มครองภัยธรรมชาติโดยเฉพาะภัยแผ่นดินไหวไปตามๆ กันอย่าง ไตรมาส แรกขาดทุนไป 20 ราย พอไตรมาสสองดีขึ้นลดลงเหลือ 15 ราย แนวโน้มภัยธรรมชาติตัว Loss Ratio ยังแรงมาก ขณะที่บางแอเรียที่เจอไม่รุนแรงมากราคาเบี้ยปรับขึ้น 2.5-5% ของทุนประกัน บ้านเราเจอแค่น้ำท่วมก็จริง แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเราจะรอดจากน้ำท่วมได้ตลอด ถ้าเทียบกับประเทศเหล่านี้เรายังห่างไกล ถูกปรับเบี้ยบ้างแต่ไม่รุนแรงเหมือนที่นิวซีแลนด์ แต่แนวโน้มราคาเบี้ยประกันภัยความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้นแน่ อย่างประกัน IAR โคเวอร์น้ำท่วมอยู่ เรารีไปให้ประกันต่อเราขึ้นราคา”

ภัยธรรมชาติถือเป็นวาระของบริษัทให้ความสำคัญ มีการเตรียมความพร้อมรองรับความเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมาและจะทำต่อเนื่อง เช่น ส่งเจ้าหน้าที่ไปให้คำปรึกษาทำความเข้าใจ และให้คำแนะนำการป้องกันภัยให้กับลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พื้นที่ในจ.เชียงใหม่และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รวมไปถึงร่วมกับผู้ที่มีความ เชี่ยวชาญด้านการรับประกันภัยต่อ ในการศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา เพื่อรองรับความเสี่ยงภัยที่อาจะเกิดขึ้นในอนาคต

ที่มา : สยามธุรกิจ