ทูเดย์อินชัวร์ จำหน่าย ประกันภัยรถยนต์ ราคาถูก
สำหรับสมาชิก todayinsure.com ระบบงาน TodayInsure C.R.M. หมายเลขใบอนุญาตของ TodayInsure: 5104006215
ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัตหน้าที่อยู่ โทรหาเรา (02) 952-7322, (086)378-9671 หรือ email: sales@todayinsure.com

คลังข้อมูลข่าวย้อนหลัง

แอลเอ็มจี ปะกันภัย ลุ้นสิ้นปีเบี้ย 5 พันล้าน

นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการทำเคลมรถยนต์ ครึ่งหลังขายประกันสุขภาพไฮเอนด์ สินค้าใหม่ประกันภัยรถยนต์และประกันภัยสุขภาพ

แอลเอ็มจี ปะกันภัย ลุ้นสิ้นปีเบี้ย 5 พันล้าน

สิงหาคม
5

โดย สยามธุรกิจ วันที่ 30 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

เริ่มนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการทำเคลมรถยนต์ตั้งแต่ปี 2549 เริ่มจาก Mobile Adjuster บริการรับแจ้งเคลมผ่าน Call Center ปี 2553 บริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัด สร้างสถิติใหม่ด้วยเบี้ยประกันภัยรับ 4,200 ล้านบาท ทะลุหลัก 4,000 ล้านบาทเป็นครั้งปีแรก ประธานบริหารสูงสุดยอมรับมีความเป็นไปได้ หรือใกล้เคียงที่เบี้ยประกันภัยอาจจะพุ่งไปถึง 5,000 ล้านบาท หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกมีอัตราเติบโตถึง 30% ด้วยเบี้ยประกันภัยรับถึง 2,400 ล้านบาท สูงกว่าอุตสาหกรรมที่น่าจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15-20% โดยเบี้ยดังกล่าวแบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 89% ประกันภัยไม่ใช่รถยนต์ (นอน มอเตอร์) 11%

“เหตุการณ์ในญี่ปุ่นยังส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ ทำให้ยอดขายรถชะลอตัวไปถึงไตรมาส 3 แต่เชื่อว่าไตรมาส 4 จะกลับเป็นปกติได้ ส่วนครึ่งปีแรกที่เราเติบโตมากมาจากทั้งรถยนต์และนอนมอเตอร์ เนื่องจากหลายปัจจัยทั้งแผนการตลาดดีขึ้น รีครูตตัวแทนใหม่ๆ ได้มากขึ้นและขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ เพิ่มการที่เราโตได้สูงขนาดนี้ไม่ได้มาจากการตัดราคาเบี้ย” ส่วนหนึ่งมาจากบริการดีโดยเฉพาะด้านสินไหม ทดแทนทำให้ตัวแทนเพิ่มขึ้น ขณะที่ลูกค้ายังต่ออายุกรมธรรม์กับบริษัทในอัตราสูงอยู่ประมาณ 70%

สำหรับช่องทางจำหน่ายใหม่ที่ขยายเพิ่มขึ้นมา คือการขายผ่านโทรศัพท์หรือเทเลมาร์เก็ตติ้ง (Telemarketting) โดยบริษัทดำเนินการเองเริ่มขายประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) เป็นตัวแรก โดยเสนอขายกับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ถือบัตรเครดิตของอิออน เบี้ยประกันประมาณ 200-300 บาทต่อเดือน ทุนประกัน 1-3 ล้านบาท โดยมีพนักงานขายประมาณ 100 คน

บริษัทยังจะมีสินค้าใหม่เป็นประกันรถยนต์ และประกันสุขภาพจำหน่ายผ่านทุกช่องทางจำหน่ายในช่วงครึ่งปีหลังด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างยื่นขออนุมัติจาก คปภ. โดยประกันรถยนต์จะเป็นประเภท 1 ส่วนประกันสุขภาพจับกลุ่มลูกค้าระดับบนหรือไฮเอนด์เบี้ยประมาณ 40,000-50,000 บาทต่อปี โดยลูกค้ากลุ่มนี้เป็นรายบุคคลมีความเสี่ยงน้อยอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ไม่สูงมากไม่ถึง 70% เทียบกับค่าเฉลี่ยในตลาดอยู่ประมาณ 70% หรือสูงกว่านี้ โดยเฉพาะประกันสุขภาพกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอีกทั้งคู่แข่งไม่มาก

สำหรับประกันภัยรถยนต์ซึ่งบริษัทมีเบี้ยรับมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย เป้าหมายของบริษัท คือการเป็นผู้นำด้านการบริการสินไหมทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติ (อีเคลม) ครบวงจร ดังนั้น บริษัทยังคงพัฒนาบริการสินไหมทดแทน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่องล่าสุดได้นำ Galaxy Tablet มาให้พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุใช้แทน PDA ทำให้การทำเคลมรวดเร็วมากขึ้น เนื่องจาก Galaxy Tablet จะมีหน้าจอใหญ่ขึ้น ทำให้การทำเคลม ณ ที่เกิดเหตุ สะดวกรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังมีอุปกรณ์ GPS ลดขั้นตอนในการทำงานรวมไปถึงมีกล้อง ดิจิตอลที่มีความละเอียดสูงสามารถส่งรูปถ่ายและข้อมูลได้ทันที ณ จุดเกิดเหตุ

การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการเคลมรถยนต์ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำเคลมลดลงไปมากประมาณ 1.7-2% เทียบง่ายๆ 1% เท่ากับ 40 ล้านบาท ทำให้การจ่ายสินไหมทดแทนรวดเร็วมากขึ้น รั่วไหลน้อยลง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งนับแต่ปี 2549 มาจนถึงปัจจุบันบริษัทลงทุนด้านการพัฒนาเคลมรถยนต์ไปแล้วประมาณ 150 ล้านบาท หลังจากนี้คงลงทุนไม่มากเท่าช่วงแรกๆ

ต่อข้อถามอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทต้องขึ้นเบี้ยประกันรถยนต์หรือไม่นั้น ทุกปีบริษัทจะปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ขึ้นอีก 2% บนฐานเงินเฟ้อ 3-4% โดยปีนี้ปรับขึ้นไปแล้วซึ่งการปรับเบี้ยขึ้น 2% ไม่พอกับอัตราเงินเฟ้อทั้งค่าอะไหล่ ค่าแรงที่ขยับขึ้น แต่บริษัทใช้หลักลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เอามาถัวเฉลี่ยจึงสามารถตรึงระดับการขึ้นเบี้ยที่ 2% ไว้ได้ โดยบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ประมาณ 80% ของทั้งหมด ขณะที่ Loss Ratio ประมาณ 60%

ที่มา : สยามธุรกิจ