โดย สยามธุรกิจ วันที่ 27 กรกฎาคม 2554 เวลา 00:00 น.

รองกรรมการผู้จัดการบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่งปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์กลุ่มรถสาธารณะ อาทิรถโดยสารประจำทาง รถตู้รับจ้าง เป็นต้น ทั้งประกันประเภท 1 และประกันประเภท 3 โดยปรับเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 5% หรือเฉลี่ย 2,000 บาทต่อคัน เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ค่าสินไหมทดแทน อยู่ในจุดอันตรายประมาณ 70% กว่า

“ปัจจุบัน บริษัทมีรถกลุ่มนี้เป็นหลักหมื่นคัน โดยมีลูกค้าทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจทั้งหมดประมาณ 1 ล้านคัน แบ่งเป็นประกันประเภท 1 ประมาณ 70% ที่เหลือเป็นประเภทอื่น การปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยรถยนต์ขึ้น จะปรับเฉพาะรถที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และมีอัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) สูง ซึ่งปกติบริษัทจะทบทวนอัตราเบี้ยประกันภัยทุก 6 เดือนอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะปรับราคาขึ้นเท่าไร ก็ไม่เกินพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย (ทาร์ริฟ) ขั้นสูงสุดที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้แน่นอน”

ส่วนรถขนาดใหญ่อีกกลุ่ม อาทิ รถพ่วง รถบรรทุก บริษัทไม่สามารถปรับเบี้ยประกันภัยขึ้นอีกได้ เนื่องจากเบี้ยที่ขายอยู่ในปัจจุบันชนเพดานสูงสุดที่คปภ. กำหนดไว้แล้ว ทั้งที่รถกลุ่มนี้ค่าสินไหมทดแทนสูงมาก ยิ่งรวมกับความคุ้มครองใหม่ประกันภัยภาคสมัครใจ ที่เพิ่มค่าสินไหมทดแทนบุคคลภายนอก ที่ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ขั้นต่ำ 300,000 บาท ยิ่งทำให้สินไหมทดแทนขยับขึ้นอีกก็ตาม อย่างไรก็ดีเมื่อไม่สามารถปรับเบี้ยประกันภัยขึ้นได้ บริษัทใช้วิธีขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ทั้งเจ้าของรถ กรมการขนส่งทางบกและตำรวจ จัดอบรมให้ความรู้กับพนักงานขับรถ เรื่องวินัยในการขับขี่เพื่อลดอุบัติเหตุ เป็นการบรรเทาอีกทางหนึ่ง

ส่วนรถยนต์ขนาดเล็กหรือซิตี้คาร์ ยังไม่มีการปรับเบี้ยประกันภัย ขึ้นแม้ว่า Loss Ratio ค่อนข้างสูงถึง 70% เนื่องจากผู้ที่ใช้รถกลุ่มนี้มีรายได้ต่ำ หากปรับขึ้นจะเป็นการผลักภาระให้กับกลุ่มนี้ แต่บริษัทก็จับตามองรถกลุ่มนี้เป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ Loss Ratio สูงขึ้นไปกว่านี้

“Loss Latio ของรถขนาดเล็กแม้จะค่อนข้างสูงถึง 70% แต่ก็ยังเป็นอัตราที่พอรับได้ โดยเราใช้หลักถัวเฉลี่ยกับรถกลุ่มอื่นที่ยังมีกำไร”

สำหรับการประกันภัยรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี (มกราคม-มิถุนายน 2554) ของบริษัท การเติบโตน่าจะดีกว่าปีก่อน แม้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากญี่ปุ่น ทำให้การส่งมอบรถยนต์ล่าช้า กระทบมาถึงเบี้ยประกันรถยนต์ แต่เชื่อถึงสิ้นปีน่าจะได้ทำได้ดีกว่าปีก่อน โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโต 7%

“เดือนกรกฎาคมนี้ถือว่ากำลังการผลิตรถยนต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สามารถผลิตได้เต็มกำลัง ดังนั้น จึงคาดว่าตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป บริษัทจะมีเบี้ยประกันรถยนต์เข้ามาไม่ต่ำกว่า 1,700-1,800 ล้านบาทต่อเดือน เทียบกับช่วงปกติอยู่ประมาณ 1,600 ล้านบาทต่อเดือน อันเป็นผลมาจากเบี้ยรถยนต์ที่อั้นไว้จะเริ่มทะลักเข้ามา โดยสาขาและศูนย์สินไหมที่มีอยู่ 113 แห่งทั่วประเทศ สามารถรองรับสินไหมทดแทนที่จะเพิ่มตามได้แน่นอน

ที่มา : สยามธุรกิจ