โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ วันที่ 12 พฤษภาคม 2554 เวลา 17:47 น.

วิธีการซื้อรถบ้านใช้แล้วหรือรถมือสอง (ตอนที่ 2)

6. ระบบปรับอากาศ ดูซิว่า แอร์เย็น/ปรับอุณหภูมิได้ อย่าลืมเช็กน้ำยาแอร์ เปลี่ยนครั้งสุดท้าย, ล้างตู้แอร์ครั้งสุดท้ายเมื่อใด

7. แบตเตอรี่ เปลี่ยนครั้งสุดท้ายเมื่อใด อันนี้ลูกหนึ่งก็พันกว่าบาทแล้ว

8. สภาพภายในห้องโดยสาร ให้ไล่ดูตั้งแต่ สภาพเบาะยังคงสภาพดีอยู่หรือไม่ (สะท้อนถึงสภาพการใช้งาน), ยางหุ้มพวงมาลัยเป็นอย่างไร, หน้าปัดหลักๆ ยังใช้งานได้ครบหรือไม่ เช่น เข็มความเร็ว เข็มน้ำมัน เข็มไมล์ ไฟเบรกมือ, เบาะควรปรับได้สะดวก, กระจกมองหลังและข้างปรับได้ทัศนวิสัยดี, ยางปูพื้นติดรถมาแบบไหน, วิทยุติดรถ ราคาสมเหตุผล, มีอุปกรณ์อื่นๆ ประกอบหรือไม่ เช่น ที่ล็อกเกียร์ กันขโมย จะได้เทียบกับราคาถูกต้อง

9. ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง เช็กให้ละเอียดทั้งไฟสูง ไฟหน้า และไฟหรี่ เปิดติด ปิดดับ สว่างชัดเจน ไฟเลี้ยวใช้ได้ทั้ง 2 ข้าง ไฟเบรก-ไฟถอยหลังใช้งานได้

10. เอกสารต่างๆ ต้องครบถ้วนเรียบร้อย ได้แก่ สมุดทะเบียน, ใบโอนรถ และบัตรประชาชนมีชื่อและลายเซ็นตรงกัน มีการเสียภาษีรถประจำปีถูกต้องไม่ขาด (ระวังค่าปรับ), มีการจ่ายประกันภัยบุคคลที่สามไม่ขาด (ระวังค่าปรับ) กรณีถ้ามีประกันประเภทอื่น ดูว่าเหลืออีกกี่เดือน

แถมให้อีกข้อสำหรับผู้ที่อยากจะซื้อโดยตรงกับผู้ขายโดยเฉพาะรถบ้านนั้น ถ้าใครจะทำตามก็ไม่ว่ากันคือ โทรถามสถานที่หรือเลขที่บ้านก่อนแต่จะนัดดูรถในอีก 5-7 วัน หรืออาจจะยังไม่นัด จากนั้นลองไปหาบ้านหรือสถานที่ดังกล่าวจนเจอแล้วซุ่มดูอยู่ 1-2 วัน ต้องขับตามดูการใช้งานและสภาพที่พอดูได้จากระยะไกลด้วย ที่สำคัญควรจะเลือกเฉพาะรถที่มีการใช้งานอยู่เท่านั้น ถ้าเจอแบบคลุมผ้าหรือจอดทิ้งไว้ หรือบางทีขับตามไปเจอเลี้ยวเข้าอู่อันนี้แนะนำว่าไม่ควรจะซื้อ ดังนั้นการดูรถบ้านดูเหมือนจะยากกว่าการดูรถเต็นท์ครับ

ที่มา : ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์