โดย สยามธุรกิจ วันที่ 27 เมษายน 2554 เวลา 00:00 น.

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อกดดันข้าวของราคาแพงขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม ที่ผู้ปกครองต้องควักกระเป๋าเตรียมข้าวของเครื่องใช้รวมไปถึงการจ่ายค่าเทอม จึงถือเป็นช่วงที่ตลาดประกันภัย ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย

“ช่วงเปิดเทอมและเงินเฟ้อ ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ของธุรกิจ เพราะประเทศไทยก็เผชิญกับปัญหานี้มาตลอด ดังนั้นประกันภัยเองก็ต้องหากลยุทธ์ในการทำตลาดให้ได้ ซึ่งเงินเฟ้อขึ้นดอกเบี้ยก็ขึ้นตาม ผลตอบแทนจากการออมก็ยังเพิ่มขึ้น ดังนั้นจะเห็นแบงก์ออกสินค้าเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนสูงมาขายมากขึ้น เช่น ให้ผลตอบแทนถึง 6% มาเป็นกิมมิกในการทำตลาด ประกันชีวิตก็เช่นเดียวกัน ก็อาจจะออกสินค้าประเภทออมออกมาขายเพื่อดึงความสนใจของลูกค้า เป็นต้น”

อย่างไรก็ตามประกันชีวิตเก่งในเรื่องของความคุ้มครอง ไม่ได้เก่งในเรื่องของผลตอบแทน ดังนั้น อีกด้านบริษัทประกันชีวิตควรต้องสื่อสารกับตัวแทน เพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าถึงความสำคัญของความคุ้มครอง ซึ่งเป็นหลักของการประกันชีวิต เพราะดอกเบี้ยจะขึ้น-ลง หรือเงินเฟ้อจะขึ้นไปแค่ไหน เศรษฐกิจจะแย่แค่ไหน การสร้างความคุ้มครองให้กับครอบครัวเป็นเรื่องจำเป็นมากกว่าการใช้เงิน หากเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าครอบครัว การประกันชีวิตตอบโจทย์ตรงนี้ได้

ด้านนายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดเทอมซึ่งลูกค้ามีภาระค่าใช้จ่ายสูง ส่งผลกระทบต่อการซื้อประกันภัยบ้างทำให้เลื่อนการซื้อออกไป โดยประเภทการประกันภัยที่จะได้รับผลกระทบเป็นประกันส่วนบุคคล อาทิ ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (พีเอ) ประกันสุขภาพ เป็นต้น แต่ผลกระทบไม่มากแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น ธุรกิจประกันภัยเจอภาวะนี้ทุกปีอยู่แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องเงินเฟ้อมองว่ามีผลบวกมากกว่า เพราะทำให้ประชาชนหันมาซื้อประกันภัยเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง เนื่องจากค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถแพงขึ้น

ที่มา : สยามธุรกิจ