โดย สยามธุรกิจ วันที่ 27 เมษายน 2554 เวลา 00:00 น.
คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ชุดเดิมของเอ.พี.เอฟ. ก่อนที่จะถูกปิดกิจการได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อเอาผิดกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ดคปภ.) จำเลยที่ 1 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะจำเลยที่ 2 ในคดีคำสั่งปิดบริษัทเอ.พี.เอฟ.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะหากศาลปกครองมีคำสั่งว่ารัฐปิดบริษัทเอ.พี.เอฟ.โดยมิชอบ บริษัทจะมีโอกาสกลับมาเปิดดำเนินธุรกิจปกติได้ นอกจากนี้ทางเอ.พี.เอฟ.ยังยื่นคำฟ้องขอทุเลากล่าวคือระหว่างศาลปกครองพิจารณาคำฟ้องข้างต้นให้กรรมการชุดเดิมกลับมาเป็นกรรมการหรือบริหารงานในบริษัทได้เหมือนเดิม โดยคำฟ้องขอทุเลานี้ล่าสุดศาลมีคำพิพากษายกคำขอทุเลาเมื่อ 7 เมษายนที่ผ่านมาเท่ากับกรรมการชุดเดิมไม่สามารถกลับมาบริหารงานในบริษัทได้
อย่างไรก็ดีผู้ชำระบัญชีเตรียมจะยื่นฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งกับผู้ที่ยักยอกเงินของบริษัท ซึ่งตามหลักฐานที่รวบรวมมาได้คือกรรมการบางคน โดยเงินที่ถูกยักยอกไปคือตั๋วเงินมูลค่าประมาณ 256 ล้านบาทที่สูญหายไปจากบัญชีทรัพย์สินของบริษัทตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีก่อน ก่อนที่บริษัทจะถูกปิดกิจการซึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าตั๋วเงินดังกล่าวถูกยักยอกออกไปจริง
ส่วนกรณีบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย จำกัด ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2552 และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทล้มละลายไปแล้วนั้น ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กรมบังคับคดี ได้เรียกเจ้าหนี้สัมพันธ์ประกันภัยมาสอบเพื่อไต่สวนมูลหนี้แล้ว คาดว่ากว่าจะไต่สวนมูลหนี้เสร็จน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี เนื่องจากเจ้าหนี้ที่มายื่นขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่ 5,000 กว่าราย ขณะที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ไต่สวนมูลหนี้ได้ประมาณวันละ 50 ราย
สำหรับสัมพันธ์ประกันภัยมีสินทรัพย์ประมาณ 290 ล้านบาท และมีหนี้สินตามคำขอรับชำระหนี้จำนวน 2,556 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้สินของผู้เอาประกันภัยประมาณ 1,200 ล้านบาท
ที่มา : สยามธุรกิจ