ปัญหาการทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ลุกลามเป็นลูกโซ่มายังบริษัท ประกันภัย ในเครือ 2 บริษัทที่สหกรณ์นี้ถือหุ้นใหญ่อยู่คือ บมจ.สหประกันชีวิต และบมจ.ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย เริ่มประสบปัญหาในการระดมเงินมาเพิ่มทุน เพราะสหกรณ์ต่างๆ ขาดความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาซื้อหุ้น โดยเฉพาะยูเนี่ยนอินเตอร์ที่อยู่ในภาวะวิกฤติ ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) สั่งหยุดรับ ประกันภัย ชั่วคราวอยู่ เพราะทำผิดข้อกฎหมายหลายกระทง โดยให้เวลาแก้ไขปัญหาแค่ 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ

ทุจริตสหกรณ์คลองจั่นพ่นพิษ / สิ้นปีชี้ชะตา "ยูเนี่ยนอินเตอร์"

เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ยูเนี่ยนอินเตอร์ถูกสั่งห้ามขาย ประกันภัย ลูกค้ารายใหม่อยู่ จึงไม่มีภาระเพิ่มเติม ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบเพิ่ม การสั่งหยุดรับ ประกันภัย ชั่วคราว เปิดโอกาสให้บริษัทได้แก้ไขปัญหา หลังจากนี้ คปภ. ต้องรอดูสถานการณ์บริษัทต่อไปจนถึงเวลาที่กำหนด ขณะที่สหประกันชีวิตยังดำเนินธุรกิจได้ตามปกติอยู่

"เรามีขั้นตอนดำเนินการอยู่ หน้าที่ของ คปภ.คือกำกับบริษัท ประกันภัย มีเงินกองทุนเพียงพอ ซึ่งต้องเป็นไปตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ให้ประชาชนมั่นใจเมื่อเขามีปัญหา ให้เวลาแก้ไข เราติดตามพุดคุยกับเขาตลอด แต่เขายังอยู่ในขั้นตอนการแก้ไข จึงพูดอะไรไม่ได้ เคสนี้เราไม่หนักใจ เพราะมีกระบวนการชัดเจนอยู่แล้ว"

สำหรับขั้นตอนการฟื้นฟูกิจการ เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า ปกติหากบริษัทเสนอแผนแก้ไขเข้ามาให้บอร์ด คปภ. พิจารณา จะดูว่ามีความคืบหน้าหรือไม่ อย่างกรณียูเนี่ยนอินเตอร์เคยเสนอจะเพิ่มทุน 878 ล้านบาท ต้องทำให้ได้ตามแผน และต้องแก้ไขปัญหาอีก 4-5 ข้อให้ได้ หากทำได้อาจจะขยายเวลาการแก้ไขปัญหาออกไปอีก แต่หากไม่มีความคืบหน้าอาจจะเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย หากไปถึงขั้นนั้นไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ ประกันภัย ในภาพรวม

ยืนยันว่าจนถึงวันนี้ยังไม่มีบริษัท ประกันภัย มีปัญหาฐานะเพิ่ม มีแค่ยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย เท่านั้น

สหกรณ์ผวา ทำแผนเพิ่มทุนสะดุด / สหประกันฯ ยืดระดมทุนถึงปีหน้า

ข่าวจาก คปภ.กล่าวว่า สหประกันชีวิตไม่น่าห่วงมาก เพราะเงินกองทุนไม่ได้ขาด แต่มีแผนเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ โดย คปภ. ตามดูอยู่ห่างๆ ขณะที่ยูเนี่ยนอินเตอร์ สถานการณ์น่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะถูกสั่งหยุดรับ ประกัน๓ํญ ชั่วคราวอยู่ และต้องเพิ่มทุนให้ทันเวลา ขณะที่การระดมทุนจากสหกรณ์ต่างๆ ยากขึ้น เพราะปัญหาของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกระทบความเชื่อมั่นสหกรณ์อื่นๆ

"สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมีปัญหารุมเร้าเยอะมาก ชื่อเสียงแกว่งไปเยอะ เราก็หนักใจ ตามแผนของยูเนี่ยนอินเตอร์จะเพิ่มทุนอีก 878 ล้านบาท ในวันที่ 31 ธันวาคมที่เขาส่งแผนฟื้นฟู ต้องมีเงินเข้ามาบ้างไม่ต้องถึง 878 ล้านบาทหรอก แค่ให้กองทุนครบถ้วนตามกฎหมายถือเป็นสัญญาณดีแล้ว แต่ถ้าในวันนั้นไม่มีเงินเข้ามาเลย อยู่ที่บอร์ด คปภ.จะผ่อนปรนหรือไม่ ถ้าไม่ให้ต้องเพิกถอนใบอนุญาตหยุดประกอบธุรกิจไปเลย"

ความผิดของยูเนี่ยนอินเตอร์ ประกันภัย อาทิดำรงเงินกองทุนไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย ไม่บันทึกรายการรับ ประกันภัย ภายในเวลาที่กำหนด ดำรงสินทรัพย์เงินสำรองสำหรับเบี้ย ประกันภัย ที่ยังไม่ถือเป็นรายได้ เป็นต้น

สำหรับประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ถูกทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อหาทุจริต พร้อมอายัดทรัพย์สิน ยังถูกกรมส่งเสริมสหกรณ์ปลดออกจากตำแหน่งประธานพร้อมกรรมการยกชุดนั้น ส่วนตัวถือหุ้นยูเนี่ยนอินเตอร์ในนามส่วนตัวด้วย จึงมีบทบาทสำคัญต่อการแก้ไขฐานะการเงินบริษัท

ด้านกรรมการผู้จัดการบริษัทสหประกันชีวิต กล่าวว่า ปัญหาของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มีผลกระทบกับบริษัทบ้างในแง่ของความเชื่อมั่น อย่างที่ทราบบริษัทมีแผนระดมทุนจากสหกรณ์ฯ และสมาชิก เพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,000 ล้านบาท จากเดิม 1,000 ล้านบาท และได้ออกเดินสายพบสหกรณ์ฯ ทั่วประเทศ เพื่อเชิญชวนมาถือหุ้นเพิ่ม แต่การตอบรับยังไม่มาก

สาเหตุหนึ่งมาจากข่าวของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ส่งผลกระทบต่อสหกรณ์ฯ ทั่วประเทศ ทำให้คนไม่เชื่อมั่น ไม่มาทำธุรกรรมกับสหกรณ์ หรือไม่ก็โยกเงินไปฝากกับธนาคาร หรือสถาบันการเงินอื่น ทำให้สภาพคล่องสหกรณ์ฯ ไม่ดีนัก การจะลงทุนเพิ่ม หรือการเข้ามาถือหุ้นในสหกรณ์ฯ ชะลอออกไป ส่งผลกระทบมาถึงแผนการเพิ่มทุน ต้องชะลอออกไปถึงปีหน้า จากเดิมจะเพิ่มทุนให้เสร็จภายในปีนี้

ชี้ ประกันภัย ไทยโตเหนือค่าเฉลี่ยโลก / คาดปี 57 ทะลุ 6% จีดีพี

อย่างไรก็ดี เลขาธิการคปภ.ยืนยันว่า ธุรกิจ ประกันภัย ไทยได้รับความสนใจจากบริษัทต่างชาติตลอด เนื่องจากโอกาสในขยายตัวยังมีอีกมาก ทั้งเบี้ยต่อจีดีพีต่ำ อัตราเติบโตสูง อีกทั้งยังมีลักษณะภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศ มีความได้เปรียบจากการเปิดเออีซี ขนาดของประเทศใหญ่กว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยเชื่อว่าปีนี้ธุรกิจ ประกันภัย น่าจะมีอัตราเติบโต 17% ตามเป้า คิดเป็นเบี้ย ประกันภัย กว่า 6 แสนล้านบาท หรือ 5% ต้นๆ ของจีดีพี สูงกว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรม ประกันภัย กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยแค่ 2-3% และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกที่มีอยู่เกือบ 100 ประเทศรวมไทย มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 7-8%

ส่วนปี 2557 คาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักได้ต่อไป ซึ่งตามแผนพัฒนา ประกันภัย ฉบับที่ 2 สิ้นสุดปี 2557 กำหนดเป้าหมายเบี้ย ประกันภัย จะเพิ่มเป็น 6% ของจีดีพี เท่ากับมาเลเซียที่อยู่อันดับสองของอาเซียน ก่อนขยับไล่สิงคโปร์ที่อยู่อันดับหนึ่ง การเพิ่มขึ้น 1% เท่ากับเบี้ย ประกันภัย ใหม่เพิ่มอีกนับแสนล้านบาท ปัจจัยหลักจะมาจากโครงการ ประกันภัย 200 ที่จะรณรงค์มากขึ้น ส่งเสริม ประกันภัย เฉพาะด้าน เช่น ประกันภัย นักท่องเที่ยว ประกันภัย ข้าว รวมถึงแผนรองรับเออีซีที่จะชัดเจนในปี 2557

เลขาธิการ คปภ.กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท ประกันภัย ไทยขนาดใหญ่บางบริษัท เริ่มขอขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อาทิ กัมพูชา พม่า ในลักษณะเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น ซึ่งหากไม่เกินสัดส่วนที่ คปภ.กำหนด สามารถไปลงทุนได้ทันที โดยการลงทุนในต่างประเทศของบริษัท ประกันภัย จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ซึ่งหากรวมไทย และ 4 ประเทศนี้ มีประชากร 300 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มาก

ที่มา : สยามธุรกิจ