บริษัท วิริยะ ประกันภัย เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจช่วงที่เหลือ บริษัทยังให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะต้นทุนและโอกาสทำกำไร ที่มีอยู่ในระดับสูง จึงเน้นการดูแลกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ คุณภาพอู่ การเคลมสินไหมที่ต้องรวดเร็ว เพื่อให้บริการที่คุ้มค่ากับอัตราเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ ที่ลูกค้าจ่าย ขณะที่แผนกระตุ้นตลาดผ่านผลิตภัณฑ์ รถยนต์ ใหม่ๆ อาจจะน้อยลง โดยจะรักษาฐานลูกค้าหลัก ใน ประกันภัยรถยนต์ ที่มีอยู่กว่า 90% ขณะเดียวกัน ค่ายวิริยะยังมีสัดส่วนจาก รถยนต์ ใหม่ หรือป้ายแดงอยู่ประมาณ 25% และสิ้นปีนี้คาดว่า ประกันภัย เบ็ดเตล็ดน่าจะมีการเติบโตที่ดี ประมาณ 40% หรือมีเบี้ย ประกันภัย รับ 3,400 ล้านบาท
ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราเติบโตสูง 31.8% คิดเป็นมูลค่าเบี้ย ประกันภัย รับ 1,096 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ย ประกันภัยรถยนต์ หรือมอเตอร์ กว่า 1,004 ล้านบาท ขยายตัวในอัตรา 31.2% และเบี้ย ประกันภัย ที่ไม่ใช่ รถยนต์ หรือนอนมอเตอร์มีเบี้ย ประกันภัย รับ 920 ล้านบาท ขยายตัวในอัตรา 39.4% ส่วนช่วงที่เหลือ ตลาดนอนมอเตอร์ยังมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน โดยสิ้นปีนี้น่าจะมีเบี้ย ประกันภัย รับรวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำตลาดควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง จากการซื้อ ประกันภัย ส่วนเกิน (Excess of Loss) เพื่อรองรับลูกค้าที่ทำ ประกันภัย ทรัพย์สินเป็นหลัก ทั้งนี้โดยภาพรวมธุรกิจ ประกันภัย ล้วนทำธุรกิจอยู่บนความเสี่ยง ซึ่งในปี 2556 บริษัทได้ซื้อภัยนี้เพิ่มอีกกว่าเท่าตัว รองรับ ประกันภัย ตลาดนอนมอเตอร์เป็นหลัก
ด้านปะธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ตั้งเป้าเบี้ย ประกันภัย รับรวมไว้ที่ 9,000 ล้านบาท โดยเฉพาะถ้าครึ่งปีแรกสามารถทำเบี้ย ประกันภัย รับ ได้ไม่ต่ำกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเห็นการขยายตัวสูงขึ้นในไตรมาสที่ 2 ขณะที่บริษัทคาดหวังผลกำไรจากการดำเนินงาน ในสัดส่วน 60% ที่เหลืออีก 40% มาจากการลงทุน ซึ่งบริษัทเน้นลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นกู้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5%
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ